รอยเตอร์ - รัฐมนตรีต่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เรียกร้องพม่าให้อำนาจเต็มแก่คณะกรรมการสอบสวนความรุนแรงในรัฐยะไข่เพื่อดำเนินการผู้ที่รับผิดชอบต่อความรุนแรงดังกล่าว
รัฐมนตรีที่พบหารืออย่างไม่เป็นทางการนอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเมื่อสัปดาห์ก่อน แสดงความวิตกกังวลถึงเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้น ตามการเปิดเผยของรัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ ที่เรียกสถานการณ์ดังกล่าวว่า เป็น “ภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น”
ในช่วงปีที่ผ่านมา ชาวมุสลิมโรฮิงญามากกว่า 700,000 คน ได้อพยพหลบหนีออกจากพม่าไปบังกลาเทศ ตามการระบุของหน่วยงานสหประชาชาติ ที่เกิดขึ้นหลังทหารตอบโต้การโจมตีของผู้ก่อการร้ายโรฮิงญา
ผู้สืบสวนสหประชาชาติออกรายงานเมื่อปลายเดือน ส.ค. กล่าวหาทหารพม่ารุมข่มขืน และสังหารหมู่ด้วยเจตนาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรัฐยะไข่ และเรียกร้องให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย และนายพล 5 นาย ถูกฟ้องดำเนินคดีตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่พม่าปฏิเสธข้อกล่าวหาส่วนใหญ่ในรายงาน และกล่าวโทษผู้ก่อการร้ายโรฮิงญาสำหรับการกระทำทารุณโหดร้ายที่เกิดขึ้น
“เรารู้สึกวิตกกังวลต่อการกระทำรุนแรงที่ถูกกล่าวหาเหล่านี้ สิ่งนี้เป็นภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมที่มนุษย์สร้างขึ้น และบางสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศขอเรียกร้องต่อรัฐบาลพม่าว่า คณะกรรมการสอบสวนอิสระควรได้รับอำนาจเต็มในการสอบสวนและดำเนินการกับผู้ที่รับผิดชอบต่อเหตุการณ์เหล่านั้น” รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ กล่าว โดยอ้างถึงการพบหารือของสิบชาติสมาชิกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งพม่า
พม่าตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อสืบสวนข้อกล่าวหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรัฐยะไข่เมื่อเดือน ก.ค. ที่สมาชิกในคณะประกอบด้วย ชาวพม่า 2 คน และชาวต่างชาติ 2 คนจากญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์
ในคำแถลงร่วมว่าด้วยสถานการณ์รัฐยะไข่ของอาเซียนที่ออกเมื่อไม่นานนี้ยังมุ่งเน้นถึงความสำคัญของการส่งผู้พลัดถิ่นกลับพม่า และการสร้างความปรองดองระหว่างชุมชนต่างๆ.