รอยเตอร์ - ในช่วงเวลาที่บริษัทรถยนต์ในประเทศพัฒนาแล้วกำลังเผชิญต่อแรงกดดันจากผลกำไรที่ถูกแบ่งไปโดยบริษัทเทคโนโลยีทุนหนา แต่เวียดนามกำลังวางเดิมพันกับการผลิตรถยนต์ เพื่อเป็นตั๋วนำทางไปสู่เศรษฐกิจที่มั่งคั่งมากขึ้น เช่นเดียวกับญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้
วินฟาสต์ (VinFast) บริษัทในเครือวินกรุ๊ป (Vingroup JSC) บริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของเวียดนาม ตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนามรายแรกของประเทศ เมื่อรถยนต์รุ่นแรกของบริษัทภายใต้แบรนด์ของตัวเองจะโลดแล่นอยู่บนถนนในเดือน ส.ค.2561
“มีที่ไหนในโลกที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ด้วยความเร็วขนาดนี้” ฌอน คาลเวิร์ต รองประธานฝ่ายการผลิตของบริษัท VinFast Trading and Production LLC กล่าวระหว่างนำเยี่ยมชมโรงงานใหม่ของบริษัทที่เมืองท่านครหายฟ่อง (Haiphong) ซึ่งรถยนต์ 2 รุ่น ของบริษัทผลิตขึ้น
บริษัทวินฟาส์ต วางแผนให้โรงงานมีกำลังการผลิตรถยนต์ที่ 250,000 คันต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า เทียบเท่ากับ 92% ของรถยนต์ที่ขายในเวียดนามเมื่อปีก่อน ตามข้อมูลที่รวบรวมโดยสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งเวียดนาม (VAMA)
บริษัทวินกรุ๊ป ระบุว่า บริษัทเพิ่งเริ่มสร้างวินฟาสต์ขึ้นเมื่อราว 1 ปีก่อน และลงทุนในโครงการนี้ประมาณ 3,500 ล้านดอลลาร์
“เรากำลังผลักดันการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดรถยนต์ภายในประเทศ ซึ่งเรามุ่งที่จะชนะที่นี่เป็นแห่งแรก” จิม เดอลูก้า ซีอีโอบริษัทวินฟาสต์ กล่าวก่อนงานปารีส มอเตอร์โชว์จะเริ่มขึ้นสัปดาห์นี้ ซึ่งบริษัทจะนำรถยนต์ออกเผยโฉมเป็นครั้งแรกด้วย
“เรากำลังหวังที่จะขยายตลาดออกไปทั้งในอาเซียน และนอกอาเซียน” เดอลูก้า กล่าวเสริม
รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ขายในเวียดนามเป็นแบรนด์ต่างชาติที่ประกอบในประเทศจากชิ้นส่วนต่างๆ แต่ข้อตกลงการค้าเสรีได้ลดอัตราภาษีนำเข้าและเปิดตลาดมากขึ้น และภาษีนำเข้ารถยนต์ 30% จากชาติสมาชิกอาเซียนก็ถูกยกเลิกในปีนี้
บริษัทวินกรุ๊ป ครองตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามด้วยบริษัทวินโฮมส์ และเข้าชิงส่วนแบ่งตลาดดูแลสุขภาพด้วยบริษัทวินเมค ดำเนินธุรกิจซูเปอร์มาร์เกตในชื่อวินมาร์ท และให้ความบันเทิงแก่นักท่องเที่ยวที่รีสอร์ตวินเพิร์ล
“อาจมีลูกค้าราว 4 ล้านคนในวันนี้ที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทวินกรุ๊ปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งลูกค้าเหล่านั้นพร้อมสำหรับผลิตภัณฑ์ของวินฟาสต์” เดอลูก้า กล่าว
นอกจากรถยนต์แล้ว บริษัทวินฟาสต์จะผลิตสกูตเตอร์ไฟฟ้า 250,000 คันต่อปี ไปพร้อมกับการผลิตรถยนต์ 250,000 คันต่อปี โดยมีเป้าหมายการผลิตที่จะค่อยๆ เพิ่มเป็น 1 ล้านคันต่อปี และวินฟาสต์ยังได้เริ่มพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ากับบริษัท EDAG Engineering ของเยอรมนี ซึ่งจะเปิดตัวในอนาคต เดอลูก้า ระบุ
สำหรับรถ 2 รุ่นแรก ที่วินฟาสต์จะเปิดตัว คือ รถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) และรถยนต์นั่งขนาดเล็ก (Sedan) ที่ผลิตขึ้นบนแพลตฟอร์มของ BMW ภายใต้การดูแลด้านวิศวกรรมของบริษัท Magna Steyr ขณะที่งานการออกแบบดำเนินการโดยบริษัท Pininfarina จากอิตาลี
“นั่นทำให้เรามีความสามารถที่จะดำเนินกิจการได้อย่างรวดเร็วมากๆ และออกมาพร้อมกับรถที่เป็นของเรา 100% ไม่เหมือนรถคันอื่นที่อยู่บนท้องถนนทุกวันนี้” เดอลูก้า กล่าว
บริษัทยังนำเข้าความเชี่ยวชาญจากต่างชาติ โดยมีอย่างน้อย 5 คนในทีมผู้บริหารของวินฟาสต์ ซึ่งรวมทั้งเดอลูก้า และคาลเวิร์ต ที่เป็นอดีตผู้บริหารบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์
ในเดือน มิ.ย. บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ของสหรัฐฯ ตกลงที่จะโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดของโรงงานในกรุงฮานอยให้แก่วินฟาสต์ ที่บริษัทจะสามารถผลิตรถยนต์ขนาดเล็กภายใต้ใบอนุญาตของจีเอ็มทั่วโลกตั้งแต่ปี 2562
เดอลูก้า กล่าวว่า รถยนต์รุ่นแรกของวินฟาสต์จะมี “ราคาไม่แพง” เพื่อดึงดูดผู้ซื้อท้องถิ่น แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเรื่องราคา
แต่ในเวียดนาม ประเทศที่ประชาชนหลายแสนคนออกมาบนท้องถนนพร้อมพลุไฟและธงชาติเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของทีมฟุตบอล U-23 วินฟาสต์เชื่อมั่นถึงความได้เปรียบในการแข่งขัน
“เราคิดว่าความภาคภูมิใจของชาติเป็นความได้เปรียบอย่างมากสำหรับวินฟาสต์ สิ่งที่เรากำลังทำที่นี่เป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับชาวเวียดนาม” เดอลูก้า กล่าว.