เอเอฟพี - การเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามชะลอตัวในไตรมาส 3 ตามข้อมูลของทางการที่เผยแพร่วันนี้ (28) พร้อมเตือนว่า เศรษฐกิจที่มีการส่งออกเป็นแกนนำอาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าของสหรัฐฯ และจีนในเร็วๆ นี้
เวียดนามเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่เติบโตรวดเร็วที่สุดของภูมิภาคเอเชีย ด้วยอัตราการเติบโตของจีดีพีขยายตัวสูง 5% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่ส่วนใหญ่ถูกขับเคลื่อนด้วยการส่งออกสินค้าราคาถูก เช่น รองเท้า โปรเซสเซอร์คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือ
แม้ทางการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะเติบโตตามเป้าที่ 6.7% ในปีนี้ แต่ความขัดแย้งระหว่างปักกิ่ง และวอชิงตัน ที่กำหนดอัตราภาษีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ต่อสินค้าของแต่ละฝ่าย อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตในระยะยาว ซึ่งทั้งจีน และสหรัฐฯ ต่างเป็นคู่ค้าอันดับต้นของเวียดนาม
“ความขัดแย้งการค้า..จะกระทบต่อกิจกรรมการส่งออกและนำเข้าของเรา และการเติบโตภายในประเทศ” ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ (GSO) กล่าว
การเติบโตของจีดีพีในเดือน ก.ค. ถึงเดือน ก.ย. อยู่ที่ 6.88% ลดลงจาก 7.46% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ตามการระบุของ GSO แต่อย่างไรก็ตาม การเติบโตในช่วง 9 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 6.98% นับเป็นอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี ที่ขับเคลื่อนโดยภาคการผลิต ภาคส่วนที่เป็นเครื่องจักรสำคัญของเศรษฐกิจประเทศมาอย่างยาวนาน
นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า เวียดนามอาจได้เห็นการเติบโตระยะสั้นที่เป็นผลจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หากการผลิตย้ายออกจากจีน แต่โดยรวมแล้ว การเติบโตที่ชะลอตัวลงใน 2 เศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลกไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออก
“ความขัดแย้งทางการค้าอาจส่งผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อการส่งออกและการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติที่เข้ามายังเวียดนาม” ธนาคารพัฒนาเอเชีย กล่าว และปรับลดการคาดการณ์การเติบโตประจำปีของเวียดนามที่ 6.9% จากเดิม 7.1%.