เอเอฟพี - ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ เรียกร้องการจัดตั้ง “กลไก” ใหม่ เพื่อรวบรวมหลักฐานสำหรับเตรียมคำฟ้องคดีอาญาเกี่ยวกับการกระทำทารุณในพม่า ท่ามกลางข้อกล่าวหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยโรฮิงญา
ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกของมิเชล บาเชเลต์ ในฐานะข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ นับตั้งแต่รับหน้าที่เมื่อวันที่ 1 ก.ย. เธอเรียกร้องให้คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติตั้งกลไกระหว่างประเทศที่เป็นอิสระสำหรับพม่า เพื่อรวบรวม เก็บรักษา และวิเคราะห์หลักฐานของอาชญากรรมระหว่างประเทศที่ร้ายแรงที่สุด เพื่อเร่งกระบวนการพิจารณาที่เป็นอิสระ และเป็นธรรมทั้งในศาลของประเทศ และศาลระหว่างประเทศ
“ฉันขอเรียกร้องให้คณะมนตรีผ่านมติและยื่นเรื่องต่อสมัชชาใหญ่อนุมัติ เพื่อให้กลไกดังกล่าวสามารถจัดตั้งขึ้นได้” บาเชเลต์ กล่าว
บาเชเลต์ ระบุว่า กลไกใหม่นี้คล้ายกันกับสิ่งที่เคยตั้งขึ้นสำหรับอาชญากรรมในซีเรีย ที่จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการตรวจสอบเบื้องต้นของอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC)
ภารกิจค้นหาข้อเท็จจริงของสหประชาชาติเมื่อเดือนก่อนออกรายงานสรุปว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะฟ้องร้องผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารระดับสูงอีก 5 นาย สำหรับการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โรฮิงญา
ชาวมุสลิมโรฮิงญาราว 700,000 คน หลบหนีออกจากรัฐยะไข่ไปบังกลาเทศเมื่อพม่าเริ่มปราบปรามอย่างรุนแรงกับกลุ่มติดอาวุธในเดือน ส.ค.2560 ท่ามกลางข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิ เช่น การวางเพลิง การเข่นฆ่า และข่มขืนโดยทหาร และม็อบชาวบ้านในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ
พม่าปฏิเสธข้อกล่าวหาการกวาดล้างชาติพันธุ์ โดยยืนยันว่า ทหารตอบโต้การโจมตีของกลุ่มกบฏโรฮิงญา
ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ศาลมีขอบเขตอำนาจในการไต่สวนวิกฤตเพราะธรรมชาติของการข้ามพรมแดนของข้อกล่าวหาการเนรเทศโรฮิงญาไปบังกลาเทศ คำตัดสินที่รัฐบาลพม่าปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง
บาเชเลต์ ยินดีกับการตัดสินใจของ ICC โดยอธิบายว่า เป็นก้าวสำคัญอย่างยิ่งต่อการยุติการยกเว้นโทษ และแก้ไขความทุกข์ยากของชาวโรฮิงญา.