MGR ออนไลน์ -- บริษัทหว่าง แอง ซยา ลาย (Hoang Anh Gia Lai) ซึ่่งเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่รายหนึ่งในภาคใต้ของลาว ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ไปรับคนงานจำนวน 26 คน ออกจากเขตน้ำท่วมอย่างปลอดภัยในตอนบ่ายวันพุธ 25 ก.ค.นี้ พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ในช่วงนี้ แต่บริษัทจะยังคงช่วยเหลือทางการลาว ปฏิบัติการบรรเทาทุกข์แด่ผู้ประสบเคราะห์ในเหตุภัยพิบัติร้ายแรงครั้งประวัติศาสตร์ ที่เกิดขึ้นในแขวงอัตตะปือต่อไป บริษัทเวียดนามแถลงเรื่องนี้ในกรุงฮานอยในตอนบ่ายวันเดียวกัน
คนงานทั้งหมดเป็นหญิง 16 คน ชาย 8 กับเด็กที่ติดอยู่ในกลุ่มด้วยอีก 2 คน ไม่ได้อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมใหญ่เมืองสะหนามไซ แขวงอัตตะปือ หากติดอยู่ในพื้นที่สวนเกษตรในเขตเมืองปากซอง แขวงจำปาสัก ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นลำน้ำเซเปียน อยู่เหนือเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ขึ้นไป ทั้งหมดถูกนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่เช่าจากบริษัทลาวสกายเวย์ (Laos Skyway) ไปยังสำนักงานใหญ่ของบริษัทในนครปากเซ อีกจำนวนหนึ่งถูกนำไปยังสำนักงานใหญ่ ในแขวงตะปือ
เฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวบินจากนครเวียงจันทน์ไปถึงท่าอากาศยานนานาชาติ นครปากเซ เมื่อเวลา 11.30 น. เติมเชื้อเพลิง ก่อนออกปฏิบัติการเวลา 15.30 น. โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ภารกิจสำเร็จลุล่วงด้วยดี คนงานทุกคนปลอดภัย
บริษัทนี้กล่าวว่า คนงานที่เป็นชาวลาว (ไม่ได้ระบุจำนวน) บริษัทออกค่าใช้จ่ายให้เดินทางกลับบ้าน เพื่อให้หยุดพักผ่อนในช่วงนี้ สำหรับคนงานที่เป็นชาวเวียดนามหากมีความประสงค์จะกลับไปเยี่ยมครอบครัว บริษัทจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้เช่นเดียวกัน หากไม่ประสงค์จะเดินทางกลับก็สามารถพำนักเป็นการชั่วคราวที่เมืองอัตตะปือได้เช่นกัน
หว่างแองซยาลายเป็นเจ้าของสัมปทานที่ดินนับแสนๆไร่ในภาคใต้ลาว พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน กับไร่อ้อย บริษัทมีทั้งโรงงานผลิตยางแผ่น กับโรงงานผลิตเอธานอลจากน้ำตาล สำหรับเป็นเชื้อเพลิง สถานการณ์ราคายางพาราในตลาดโลกตกต่ำในช่วง 2-3 ปีมานี้ ทำให้บริษัทเวียดนามประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก แต่กิจการในลาวยังคงดำเนินต่อไป
HAGL ยังมีโรงแรมระดับ 3 ดาว 1 หลังในเมืองอัตตะปือ นอกจากนั้นยังเป็นผู้ลงทุนสร้างสนามบินอัตตะปือให้แก่รัฐบาลก่อน โดยให้ลาวผ่อนชำระค่าก่อสร้างทั้งหมดในภายหลัง
.
บริษัทกล่าวอีกว่าถึงแม้ภารกิจกู้ภัยคนงานทั้ง 26 คนจะสำเร็จลุล่วงไปแล้ว แต่เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว จะยังคงประจำที่สนามบินปากเซต่อไป เพื่อช่วยเหลือทางการลาวลำเลียงสัมภาระ ปัจจัยสี่ทั้งหลายไปส่งถึงผู้ประสบภัยหลายร้อยคน ที่เมืองสะหนามไซ ท้องที่ภัยบิบัติ
เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ขนาด 410 เมกะวัตต์ เกิดพังทลายลงในตอนค่ำวันจันทร์ 24 ก.ค. ส่งน้ำปริมาณมหาศาลราว 50,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลลงลำน้ำเซน้ำน้อย และเอ่อท่วมท้นบ้านเรือนกับพื้นที่การเกษตรของราษฎรราว 4,000 ครอบครัวใน 7 หมู่บ้าน
นายกรัฐมนตรีลาว ทองวลุน สีสุลิด เปิดเผยในวันพุธนี้ว่าสองวันมานี้พบศพผู้เสียชีวิตแล้ว 26 ศพ ยังมีผู้สูญหายอีกกว่า 130 คน
บริษัทเอสเคเอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสรักชั่น ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่โครงการเซเปียน-เซน้ำน้อย แถลงในเกาหลีว่า ตรวจพบรอยร้าวขนาดใหญ่บนสันเขื่อนราว 24 ชั่วโมงก่อนหน้าจะเกิดเหตุการณ์สยองขวัญ แต่สภาพถนนที่ทรุดโทรมหลังเกิดฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ทำให้ไม่สามารถส่งอุปกรณ์กับเครื่องจักรเข้าไปซ่อมแซมได้ และ ได้แจ้งเรื่องนี้ต่อรัฐบาลลาว ก่อนจะทำการอพยพโยกย้ายราษฎรออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยที่อยู่ใต้เขื่อน
บริษัทเกาหลีกล่าวว่าว่า จะร่วมกับทางการลาวทำการการค้นหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติครั้งนี้ต่อไป.