MGR ออนไลน์ -- การพบเจรจาระหว่างคณะของไทยกับกัมพูชา เพื่อแก้ไข "3 ประเด็นหลัก" ที่ยังไม่เคยหารือกันมาก่อน ได้ยุติลงอย่างประสบความสำเร็จในวันศุกร์ 5 ก.ค.นี้ และ สองฝ่ายจะดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นต่อไป เพื่อนำไปสู่การลงนามในข้อตกลง ที่คาดว่าจะสามารถมีขึ้่นได้ในเร็วๆ นี้ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ จะร่วมกันเป็นประธานในพิธีเปิดการเดินรถไฟขบวนปฐมฤกษ์
เว็บไซต์กระทรวงโยธาธิการและขนส่งของกัมพูชา รายงานเรื่องนี้โดยไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ แต่มีการเผยแพร่ภาพเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็น นายสุ่น จันทอล รัฐมนตรีอาวุโสว่าการกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง จัดต้อนรับอย่างอบอุ่นคณะเยือนจากไทย ที่นำโดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก่อนสองฝ่ายจะเข้านั่งโต๊ะเจรจา
"คณะของสองฝ่ายได้หารือกันอย่างประสบความสำเร็จ สามารถตกลงกันได้ใน 3 ประเด็นที่คั่งค้างมาจากการเจรกันในครั้งก่อนๆ" กระทรวงโยธาธิการฯ ของกัมพูชารายงานโดยไม่ได้ลงลึกในเนื้อหาเกี่ยวกับ "สามประเด็น" ที่อ้างถึง แต่ระบุว่าเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึง การกระชับความสัมพันธ์กับความร่วมมือระหว่างกัน บนพื้นฐานต่างฝ่ายต่างได้รับประโยชน์
สองฝ่ายจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไปอย่างเร่งด่วน เพื่อนำไปสู่การเซ็นความตกลงกันในเรื่องนี้
สื่อของกัมพูชารายงานก่อนหน้านี้ว่า "สามประเด็น" ที่เป็นปัญหานั้น เป็นเรื่องวเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำในเอกสารความตกลงสำคัญ ที่รัฐบาลสองฝ่ายจะร่วมกันลบงนามในเวลาข้างหน้า และ ยังมีอีกบางประเด็นที่เกี่ยวกับอธิปไตยของชาติ ที่สองฝ่ายต้องการศึกษาในรายละเอียดมากขึ้น
.
ทางการกัมพูชาได้เปิดเดินรถไฟสายเหนือ-ตะวันตกช่วงสุดท้ายในสัปดาห์นี้ เป็นช่วงยาวระยะทาง 166 กิโลเมตรจาก จ.โพธิสัตว์ ไปยังกรุงพนมเปญ ซึ่งทำให้ระบบรถไฟจากเมืองหลวงไปยังสถานีปอยเปต ที่อยู่ติดชายแดนไทยรวมระยะทาง 386 กม. สามารถใช้การได้เป็นครั้งแรกในรอบ 45 ปี หลังถูกทำลายเสียหายอย่างหนัก มาตั้งแต่ยุคสงครามกลางเมืองทศวรรษที่ 1970 และเข้าสูยุคเขมรแดง
กัมพูชาแสดงความประสงค์อย่างแรงกล้าในการเปิดการขนส่งผ่านระบบรางเชื่อมต่อกับระบบรถไฟของไทย ที่สถานีอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ระบุว่าจะช่วยเพิ่้มมูลค่าการค้าสองฝ่าย ให้บรรลุเป้าหมาย 15,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีได้เร็วขึ้น ตามการเห็นพ้องกันระหว่างผู้นำสองประเทศ รถไฟจะช่วยลดต้นทุนการขนส่ง ทำให้สินค้าของทั้งสองฝ่ายสามารถแข่งขันได้มากขึ้น ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงที่ต้องนำเข้า รวมทั้งช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ
ยังไม่มีการเปิดเผยในรายละเอียดในขณะนี้่เกี่ยวกับว่า การเชื่อมต่อดังกล่าวมีขอบเขตที่กว้างขวางเพียงใด ขณะที่สื่อภาษาเขมรบางสำนักรายงานว่า มีความเป็นไปได้ที่รถไฟไทยจะเข้าไปจอดที่สถานีปอยเปต และ รถไฟกัมพูชาไปจอดถึงสถานีอรัญประเทศ เพื่อขนส่งทั้งคนโดยสารและสินค้าข้ามพรมแดน -- โดยจัดสร้างรางเพิ่มเติมที่บริเวณรอยต่อชายแดนทั้งสองฝ่าย
นอกจากนั้นฝ่ายกัมพูชายังคงรอคอยหัวรถจักรอย่างน้อย 2 คัน ที่ฝ่ายไทยรับปากจะให้การช่วยเหลือ เพื่อใช้ในการเดินรถสายเหนือ-ตะวันตก
.
อย่างไรก็ตามการเชื่อมต่อต่างๆ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ล้วนเกี่ยวกับพันกับหลายเรื่องและหลายหน่วยงาน ทั้งการตรวจคนเข้าเมือง ด้านศุลกากร รวมทั้งด้านความมั่นคงของประเทศด้วย
ทางรถไฟไทย-กัมพูชา เคยเป็น "ข้อต่อที่สูญหายไป" ในแผนการต่อเชื่อมทางรถไฟสาย "ทรานส์อาเซียน" ที่ตัดผ่านหลายประเทศ คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม ไปจนถึงมณฑลภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยปัจจุบันการก่อสร้างทางรีถไฟเชื่อมจีนกับลาว กำลังคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว ส่วนในเวียดนามได้มีการเปิดเดินรถไฟ ทั้งขบวนโดยสารและขบวนขนส่งสินค้นกับจีนมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
"ข้อต่อ" ท่อนต่อไปจึงเหลือเพียงทางรถไฟช่วงกัมพูชา-เวียดนาม ระยะทาง 200 กม.เศษ ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาอยู่ระหว่างเจรจาขอความร่วมมือช่วยเหลือจากรัฐบาลจีนในเรื่องนี้่ โดยผนวกเข้าไปในความร่วมมือภายใต้แนวคิดเส้นทางเศรษฐกิจของฝ่ายจีน ที่กำลังดำเนินอยู่ในกัมพูชากับอีกหลายประเทศในปัจจุบัน.