รอยเตอร์ - ศาลเวียดนามตัดสินจำคุกอดีตรองผู้ว่าการธนาคารกลางเป็นเวลา 3 ปี ในวันนี้ (2) ตามการเปิดเผยของทนายความ นับเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารอาวุโสที่สุดที่ถูกดำเนินคดีในเวียดนาม ท่ามกลางการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน
ระบบธนาคารของเวียดนามสั่นคลอนในช่วงต้นทศวรรษ 2010 จากเรื่องราวอื้อฉาวเกี่ยวกับการบริหารจัดการไม่ถูกต้อง และการปล่อยกู้โดยไม่เป็นไปตามระเบียบ และยังเต็มไปด้วยสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
ในปี 2555 นายดั่ง แท็ง บิ่ง อายุ 64 ปี และผู้สมรู้ร่วมคิดอีก 4 คน ถูกกล่าวหาว่า “ขาดความรับผิดชอบ” ที่นำไปสู่ความสูญเสียเป็นมูลค่าสูงถึง 15 ล้านล้านด่ง (654 ล้านดอลลาร์) ที่ธนาคารการก่อสร้างเวียดนาม ซึ่งเป็นธนาคารเอกชน ทนายความระบุ
“การพิจารณาคดียุติลงแล้ว บิ่ง และจำเลยอีก 4 คน ถูกตั้งข้อหาว่าขาดความรับผิดชอบที่ก่อให้เกิดผลร้ายแรง” ทนายความฝ่าม วัน ซาม กล่าว โดยไม่ระบุว่า บิ่ง จะยื่นอุทธรณ์หรือไม่
บิ่ง ล้มเหลวที่ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย และตามคำสั่งของธนาคารกลาง และนายกรัฐมนตรี หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายงานอ้างคำตัดสินของศาล
ธนาคารการก่อสร้างเวียดนาม ประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก จนทำให้ธนาคารแห่งชาติเวียดนามต้องเข้าควบคุมกิจการแทนในปี 2558
“ผมรู้สึกเสียใจที่ผมไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ที่รัฐได้มอบหมายให้ผมได้อย่างสมบูรณ์ แต่ผมและผู้นำคนอื่นๆ ในธนาคารกลางเป็นผู้บริสุทธิ์ในเหตุผลของเรา” หนังสือพิมพ์อ้างคำกล่าวของบิ่งที่กล่าวต่อคณะลูกขุนในการพิจารณาคดี
การพิจารณาคดีเกิดขึ้นท่ามกลางการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันที่เจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง และผู้บริหารในกิจการของรัฐถูกจับกุมตัว และถูกจำคุกหลายคน
ในปีนี้ เวียดนามได้ตัดสินจำคุกนายดีง ลา ทั้ง อดีตสมาชิกโปลิตบูโรเป็นเวลา 31 ปี จากการไม่ปฏิบัติตามระเบียบทางการเงินที่ปิโตรเวียดนาม แม้เจ้าหน้าที่รายนี้จะปฏิเสธการกระทำความผิดในการพิจารณาคดีก็ตาม ซึ่งนายทั้ง นับว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทางการเมืองระดับสูงสุดที่ถูกตัดสินจำคุกในรอบหลายสิบปี
ด้านนายกรัฐมนตรีเหวียน ซวน ฟุ้ก ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า คดีความทางกฎหมายที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ไม่ควรกระทบความพยายามของเวียดนามที่จะบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจสังคม
“ผู้ที่อิดออดลังเล ไม่ทำงาน และไม่กระตือรือร้นที่จะสร้างผลงาน และปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ควรถูกตั้งคำถาม” ผู้นำเวียดนาม กล่าว.