รอยเตอร์ - สหรัฐฯ และแคนาดา เรียกร้องให้เวียดนามชะลอการลงมติว่าด้วยร่างกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ ตามการเปิดเผยของสถานทูตสหรัฐฯ ท่ามกลางความวิตกกังวลอย่างกว้างขวางว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อเศรษฐกิจและปราบปรามผู้เห็นต่างบนโลกออนไลน์ในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์แห่งนี้
ฝ่ายนิติบัญญัติเวียดนามกำหนดที่จะลงมติเกี่ยวกับร่างกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ในเดือนนี้ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะกำหนดข้อกฎหมายใหม่เกี่ยวกับบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตและควบคุมผู้เห็นต่างทางออนไลน์ให้เข้มงวดยิ่งขึ้น
เฟซบุ๊ก กูเกิล และบริษัทระดับโลกรายอื่นๆ ต่างคัดค้านบทบัญญัติในร่างกฎหมาย ที่ต้องการให้พวกเขาเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานชาวเวียดนามไว้ในประเทศ และเปิดสำนักงานในประเทศด้วย
“สหรัฐฯ และแคนาดา เรียกร้องให้เวียดนามชะลอการลงมติร่างกฎหมายเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกฎหมายดังกล่าวสอดคล้องกับมาตรฐานสากล” สถานทูตสหรัฐฯ ระบุในคำแถลง
“เราพบว่าร่างกฎหมายไซเบอร์อาจก่อให้เกิดอุปสรรคอย่างร้ายแรงต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์และนวัตกรรมทางดิจิตอลในอนาคตของเวียดนาม และอาจไม่สอดคล้องกับความมุ่งมั่นด้านการค้าระหว่างประเทศของเวียดนาม” คำแถลง ระบุ
การค้าและการลงทุนจากต่างประเทศเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยการส่งออกของเวียดนาม ในขณะที่ผู้นำของประเทศกำลังส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อการเติบโต
สมาคมการสื่อสารดิจิตอลแห่งเวียดนาม (VCDA) ระบุว่าหากร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้อาจส่งผลให้จีดีพีของประเทศลดลง 1.7% และการลงทุนจากต่างชาติลดลง 3.1%
ข้อเสนอในร่างกฎหมายยังสร้างความหวาดวิตกในหมู่นักเคลื่อนไหวเกี่ยวกับข้อจำกัดที่เข้มงวดขึ้นกับการแสดงความเห็นของผู้เห็นต่างบนโลกออนไลน์
“ร่างกฎหมายฉบับนี้ ที่มุ่งเป้าไปยังการแสดงออกอย่างเสรีและการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร จะเป็นอาวุธอีกชิ้นหนึ่งสำหรับรัฐบาลต่อความคิดเห็นของผู้เห็นต่าง” แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ภูมิภาคเอเชีย กล่าว
กลุ่มสิทธิมนุษยชนยังเรียกร้องให้เวียดนามแก้ไขร่างกฎหมาย และให้ร่างกฎหมายมีความสอดคล้องกับมาตรฐานกฎหมายสากล
หากผ่านมติ ร่างกฎหมายฉบับนี้จะต้องการให้บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ในเวียดนามลบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมออกจากแพลตฟอร์มภายใน 1 วัน หลังได้รับแจ้งจากกระทรวงข้อมูลและการสื่อสาร และกระทรวงความมั่นคง ที่เป็นหน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการกับผู้เห็นต่าง.