เฟซบุ๊กขึ้นบัญชีดำขบวนการชาตินิยมหัวรุนแรงปลุกปั่นความรุนแรงในพม่า

เอเอฟพี - สื่อสังคมออนไลน์ “เฟซบุ๊ก” ขึ้นบัญชีดำกลุ่มชาวพุทธพม่าหัวรุนแรง ซึ่งรวมทั้งพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงอื้อฉาวเกี่ยวกับการสร้างความเกลียดชังต่อชาวมุสลิมโรฮิงญา ความเคลื่อนไหวที่ต้องการจะแสดงให้เห็นว่าสื่อสังคมออนไลน์รายนี้กำลังจัดการกับเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความรุนแรง

เฟซบุ๊กมีบทบาทมากขึ้นในประเทศที่เพิ่งเปิดเข้าสู่โลกออนไลน์ได้เพียงไม่นาน แต่มีบัญชีผู้ใช้งาน 18 ล้านบัญชีจากประชากรราว 50 ล้านคน

ผู้สอบสวนสหประชาชาติกล่าวว่า เฟซบุ๊กได้กลายเป็น “อสูรกาย” ในพม่า ที่ถ้อยคำสร้างความเกลียดชังและยั่วยุปลุกปั่นความรุนแรงต่อชาวโรฮิงญาปรากฎอยู่ทั่วสื่อสังคมออนไลน์แห่งนี้

ถ้อยคำสร้างความเกลียดชังและความรุนแรงต่อชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญาเพิ่มมากขึ้นบนเฟซบุ๊กอยู่นานหลายปี ก่อนที่ชาวโรฮิงญาเกือบ 700,000 คน ต้องหลบหนีความรุนแรงจากการปราบปรามของทหารในรัฐยะไข่ไปบังกลาเทศตั้งแต่เดือนส.ค. 2560

ในสัปดาห์นี้ เฟซบุ๊กได้ห้ามกลุ่มมะบะธา ขบวนการชาตินิยมชาวพุทธ จากการใช้แพลตฟอร์มของบริษัท รวมทั้งพระสงฆ์ชื่อดังอีก 2 รูป ซึ่งมีชื่อเสียงจากการปลุกปั่นความเกลียดชังต่อโรฮิงญา

“พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานเฟซบุ๊ก และเราจะลบบัญชีและเนื้อหาที่สนับสนุน ยกย่องชื่นชม หรือเป็นตัวแทนของบุคคลหรือองค์กรเหล่านี้” ผู้จัดการฝ่ายนโยบายเนื้อหาของเฟซบุ๊ก กล่าว

พระปามุกขะ และพระธุเสตธา พระสงฆ์หัวรุนแรงสุดโต่ง 2 รูป ถูกขึ้นบัญชีดำเช่นเดียวกับพระวิระธู ที่ถูกเฟซบุ๊กแบนไปเมื่อเดือนม.ค.

นักเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์เฟซบุ๊กถึงการตอบสนองที่ล่าช้าหลังได้รับแจ้งรายงานเกี่ยวกับโพสที่เป็นอันตราย ที่บางเนื้อหาถูกส่งต่อกันในหมู่ผู้ใช้งาน มานานกว่า 48 ชั่วโมง ก่อนจะถูกลบออกจากหน้าเฟซบุ๊ก เช่น เนื้อหาที่เกี่ยวกับการเรียกร้องให้ฆ่านักข่าวชาวมุสลิม และอีกตัวอย่างหนึ่งคือ โพสเมื่อเดือนก.ย. ที่ระบุว่าชาวพุทธและมุสลิมต่างกำลังเตรียมที่จะโจมตีกัน

รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของเฟซบุ๊กยอมรับถึงการตอบสนองที่ล่าช้า และระบุว่าเฟซบุ๊กได้เพิ่มบุคลากรที่รับผิดชอบเกี่ยวกับพม่า ซึ่งรวมทั้งผู้ที่ใช้ภาษาพม่า

นอกจากนั้นยังเพิ่มมาตรการป้องกันบัญชีปลอมและบล็อกผู้ใช้งานที่กระทำผิดซ้ำ ขณะเดียวกันก็ปรับปรุงระบบสำหรับผู้ใช้งานในการแจ้งเตือนถึงเนื้อหาที่เป็นอันตราย.