โครงการคอนโดหรูผุดทั่วพนมเปญ ลูกค้าจีนกว้านซื้อเชื่ออนาคตเติบโต

รอยเตอร์ - ผู้บริหารกิจการค้าปลีกชาวจีน อายุ 30 ปี อาศัยอยู่ในห้องเช่าสุดหรูในกรุงพนมเปญ มาเกือบ 5 ปี บนเกาะเพชร (Koh Pich) ย่านหนึ่งของเมืองหลวงกัมพูชา ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ ที่ตัวแทนขาย และผู้อยู่อาศัยกล่าวว่า ห้องพักส่วนใหญ่ถูกขายให้แก่ชาวจีน

ความเฟื่องฟูในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระดับบนโดยกลุ่มผู้ซื้อชาวจีนในกรุงพนมเปญนั้น ได้ก่อให้เกิดความวิตกว่า ผู้ซื้อชาวจีนเหล่านี้กำลังผลักดันตลาดที่ชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ไม่สามารถจ่ายได้

เมืองหลวงของกัมพูชาจะมีอพาร์ตเมนต์หรู 22,828 ยูนิต ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งมากกว่าถึง 2 เท่า ของจำนวนห้องพักในปัจจุบันที่ 8,942 ยูนิต ตามการระบุของ รอสส์ วีเบิล จากบริษัท Knight Frank ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชา

วีเบิล เสริมว่า ตัวเลขนี้ ซึ่งรวมทั้งคอนโดมิเนียมที่ขายในราคาเฉลี่ย 3,500 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร จะเพิ่มขึ้นเป็นราวๆ 30,00 ยูนิต ภายในปี 2563 และในเร็วๆ นี้ ห้องพักจำนวนมากอาจเผชิญต่อแข่งขันในการหาผู้เช่า หรือผู้ซื้อท้องถิ่นที่จ่ายไหว

“ในแง่ของกลุ่มที่พักระดับบนนั้นมีมากเกินความต้องการ และนี่เป็นคำถามที่ทุกคนถามเกี่ยวกับความยั่งยืน ที่นักลงทุนชาวจีนซื้อยูนิตเหล่านี้ แต่จริงๆ แล้วพวกเขาอยู่อาศัยจริงหรือไม่” วีเบิล กล่าว

ความสัมพันธ์ทางการเมืองที่อบอุ่นระหว่างสองประเทศ และการส่งเสริมโครงการเส้นทางสายไหมของปักกิ่ง ดึงดูดการลงทุนจากจีนมายังกัมพูชาอย่างมาก กระตุ้นกิจกรรมการก่อสร้าง โรงแรม และกาสิโนแห่งใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองต่างๆ เช่น สีหนุวิลล์

ผู้พัฒนาจากประเทศต่างๆ เช่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และไต้หวัน เริ่มขยายตัวมาสู่ภาคส่วนคอนโดมิเนียมในกรุงพนมเปญเมื่อประมาณ 4 ปีก่อน ตอบสนองต่อการขาดแคลนที่พัก และการผ่อนคลายกฎหมายอสังหาริมทรัพย์ ตามการระบุของ เจมส์ ฮอดจ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการบริษัท CBRE Cambodia ที่ให้บริการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ และเสริมว่า กรุงพนมเปญเมื่อ 5 ปีก่อน มีอพาร์ตเมนต์เพียง 1,500 ห้องเท่านั้น

ชาวจีนเริ่มหลั่งไหลมากัมพูชาในช่วงที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เยือนประเทศในปี 2559 การเยือนที่ทำให้เกิดข้อตกลงทวิภาคี และคำมั่นที่จะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น

ในบรรดาผู้พัฒนาชาวจีนที่ดำเนินโครงการในกรุงพนมเปญ คือ กลุ่มบริษัท Guangzhou Yuetai Group และ Prince Real Estate ทื่กำลังขายโครงการมากกว่า 1,000 ยูนิต ขณะที่บริษัท Jiayuan International Group และ Guangzhou R&F Properties ได้ซื้อที่ดินในเมือง ที่คาดว่าโครงการจะมีห้องราว 5,000 ยูนิต ตามการระบุของตัวแทนอสังหาริมทรัพย์


ผู้พัฒนาเหล่านี้มุ่งความสนใจไปยังผู้ซื้อชาวจีน โดยห้องตัวอย่างของ 5 โครงการที่รอยเตอร์เดินทางไปเยี่ยมชมในกรุงพนมเปญ รวมทั้งโครงการจากผู้พัฒนาสิงคโปร์ และเกาหลีใต้ พบว่า เวลานี้เต็มไปด้วยพนักงานที่พูดภาษาจีน

ตัวแทนขาย กล่าวว่า ผู้ซื้อจำนวนมากมากับกรุ๊ปทัวร์ซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่จัดขึ้นโดยเอเยนซี และผู้พัฒนา และมีบางคนซื้อห้องไว้ทั้งที่ไม่เคยเดินทางมากัมพูชามาก่อน โดยให้เหตุผลว่าเพราะการใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐในกัมพูชาที่เขารู้สึกว่ามั่นคงกว่าการใช้เงินหยวน รวมทั้งการการันตีผลตอบแทนค่าเช่าต่อปี 6% จากผู้พัฒนากับห้องขนาด 80 ตารางเมตร กลางกรุงพนมเปญ

ส่วนผู้ซื้อชาวจีนอีกรายหนึ่งที่ขอให้ระบุชื่อว่า อเล็กซ์ กล่าวว่า ได้ซื้อห้องพักมากกว่า 100 ห้องที่คอนโดมิเนียมหลังหนึ่งกลางเมือง และไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับการหาผู้เช่า นอกจากนั้น โครงการเส้นทางสายไหมของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นส่วนสำคัญของการตัดสินใจ ซึ่งผู้ซื้อชาวจีนรายนี้ระบุว่า “พนมเปญเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการทำให้การพัฒนาที่นี่เฟื่องฟู”

บริษัท Jiayuan ที่ประกาศว่าได้ซื้อพื้นที่ในกรุงพนมเปญมูลค่า 35.6 ล้านดอลลาร์ ในเดือนนี้ กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะพัฒนาโครงการคุณภาพในภูมิภาคที่เกี่ยวข้องต่อโครงการเส้นทางสายไหม และการขยายกิจการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้านบริษัท Guangzhou R&F ระบุว่า โครงการในกรุงพนมเปญเป็นความพยายามของบริษัทที่จะเข้ามาในตลาดท้องถิ่น และบริษัทยังมุ่งเป้าที่จะขายห้องพักให้แก่ผู้ซื้อทั้งที่เป็นคนท้องถิ่น และต่างชาติ

แต่ผู้อยู่อาศัยในเมืองบางส่วนยังคงกังขา เพราะสิ่งที่น่าวิตกกังวลคือ ผู้ที่สามารถจ่ายค่าเช่าได้นั้นมีน้อย ด้วยค่าใช้จ่ายราว 1,000 ดอลลาร์ต่อเดือน สำหรับห้องขนาด 1 ห้องนอน เกินเอื้อมสำหรับชาวเขมรส่วนใหญ่ในกรุงพนมเปญ ที่บริษัท Knight Frank ประเมินว่า มีรายได้ครัวเรือนต่อเดือนเฉลี่ยที่ 600-700 ดอลลาร์

CBRE และ Knight Frank ระบุว่า มีสัญญาณการชะลอตัวของตลาด ด้วยความถี่ในการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลง ขณะเดียวกัน เจ้าของห้องปรับลดราคาเสนอเช่า

ผู้บริหารบริษัท Century21 Mekong ที่เป็นตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ของกัมพูชา กล่าวว่า ภาวะตลาดชะลอตัวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อคนท้องถิ่น เพราะเจ้าของห้องพักส่วนใหญ่เป็นชาวจีน

“หากพวกเขาขายไม่ได้ มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา” ผู้บริหารชาวกัมพูชา กล่าว.