เอพี - แผนที่จะสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ยักษ์บนแม่น้ำโขงในกัมพูชาที่ได้รับการสนับสนุนจากจีนจะทำลายการประมงที่หล่อเลี้ยงผู้คนหลายล้านชีวิตและจะสร้างความตึงเครียดยิ่งขึ้นกับเวียดนามที่เป็นประเทศท้ายน้ำ ด้วยได้รับความเสียหายมากที่สุดจากการสร้างเขื่อนบนเส้นทางน้ำสายนี้ รายงานที่ใช้เวลาศึกษานาน 3 ปี ระบุ
รายงานที่โพสลงบนเว็บไซต์ขององค์กรที่ดำเนินการศึกษารายงานชิ้นนี้ระบุว่า เขื่อมสมโบร์ (Sambor) จะสร้างประโยชน์ด้านพลังงานให้กับกัมพูชาอย่างมาก แต่มีความเป็นไปได้ของการทำลายการประมงแม่น้ำโขง และสร้างความขัดแย้งกับเวียดนาม
รายงานระบุว่า เขื่อนสมโบร์ ขนาด 2,600 เมกะวัตต์ออกแบบโดยบริษัท China Southern Power Grid Co. จะมีอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนขนาด 620 ตารางกิโลเมตร ที่ทำให้เขื่อนไซยะบุรีในลาว ที่เป็นเขื่อนใหญ่ที่สุดในเวลานี้ซึ่งกำลังสร้างอยู่บนแม่น้ำโขงดูเล็กลง
ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันมรดกทางธรรมชาติ ในสหรัฐฯ ได้ยื่นรายงานที่เขียนขึ้นต่อรัฐบาลกัมพูชาเมื่อปลายปีก่อน โดยแนะนำให้รัฐบาลเลื่อนเวลาโครงการออกไป ขณะศึกษาทางเลือกอื่นที่ดีกว่า เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเพิ่มเติมจากเขื่อนไฟฟ้าที่มีอยู่เดิม
เขื่อนแห่งนี้จะสกัดกั้นการอพยพย้ายถิ่นของปลาจากทะเลสาบตนเลสาบ ที่มีความสำคัญต่อการแพร่พันธุ์และเติมเต็มสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของโลก และยังขัดขวางการไหลของตะกอนดินที่ก้นแม่น้ำซึ่งเป็นสารอาหารสำหรับพื้นที่ปลูกข้าวในเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง ปัญหาเฉพาะสำหรับเวียดนาม ที่พื้นที่เกษตรบริเวณที่ราบปากแม่น้ำโขงนั้นกำลังถูกทำลายจากการรุกล้ำของน้ำเค็มจากทะเล
“เขื่อนและอ่างเก็บน้ำจะเป็นกำแพงอุปสรรคที่จะทำลายการย้ายถิ่นของปลา” รายงานระบุ
รายงานยังเตือนว่า ประชากรโลมาอิรวดีราว 80% มีแนวโน้มที่จะหายไปเพราะความลึกของแม่น้ำที่เหล่าโลมาเคยใช้เป็นที่หลบภัยในช่วงหน้าแล้งจะเต็มไปด้วยตะกอนที่ถูกเขื่อนกั้นไว้
รัฐบาลกัมพูชา ที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับจีนและได้รับความช่วยเหลือและการลงทุนจากจีนอย่างมากมาย ไม่ได้แสดงความเห็นอย่างเปิดเผยต่อรายงานฉบับนี้
เขื่อน 7 แห่ง ที่จีนสร้างขึ้นที่ต้นแม่น้ำโขงในเขตแดนของตน สร้างความปวดหัวให้กับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และลดปริมาณตะกอนที่ไหลมาตามกระแสน้ำมากถึงครึ่งหนึ่ง ตามการระบุของนักวิจัย
เขื่อนจีนถูกกล่าวโทษว่าเป็นสาเหตุของภัยแล้งที่รุนแรงขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2559 แต่หลายประเทศในภูมิภาคยังคงเดินหน้าแผนการสร้างเขื่อนที่ดำเนินการโดยบริษัทจีน เพื่อรองรับกับความต้องการด้านพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น.
