รอยเตอร์ - รัฐมนตรีพม่ากล่าวต่อผู้ลี้ภัยมุสลิมโรฮิงญาในบังกลาเทศวันนี้ (11) ว่า การส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศนั้นเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้น ในระหว่างการเดินทางเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศของเจ้าหน้าที่พม่าระดับสูงเป็นครั้งแรก
วิน มัต เอ รัฐมนตรีกระทรวงสวัสดิการสังคม ได้พบหารือกับผู้ลี้ภัยราว 50 คน ในค่ายผู้ลี้ภัยกุตุปะหล่อง ในบังกลาเทศ ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่รัฐบาลของบังกลาเทศที่ดูแลผู้ลี้ภัย
เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของบังกลาเทศ กล่าวว่า ทางการกรุงธากาต้องการที่จะแสดงให้รัฐมนตรีพม่าที่เดินทางมาเยือนนั้นได้เห็นถึงความท้าทายที่บังกลาเทศต้องเผชิญ และคาดว่า วิน มัต เอ จะพบหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของบังกลาเทศในกรุงธากา วันพฤหัสฯ (12)
บังกลาเทศต้องการให้ผู้ลี้ภัยเดินทางกลับบ้านอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เป็นได้ และเจ้าหน้าที่ระบุในสัปดาห์นี้ว่า หวังให้การเยือนของรัฐมนตรีพม่าจะช่วยเร่งกระบวนการส่งกลับ แต่ผู้ลี้ภัยจำนวนมากกลับระบุว่า พวกเขาลังเลใจที่จะกลับไปพม่าเนื่องจากหวาดกลัวการกดขี่ข่มเหง
“สิ่งสำคัญที่สุดคือ การเริ่มต้นกระบวนการส่งกลับประเทศให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นได้” วิน มัต เอ กล่าว ขณะออกจากที่ประชุมกับผู้แทนโรฮิงญาที่ค่ายกุตุปะหล่อง
เมื่อสอบถามว่าโรฮิงญาจะสามารถได้รับสิทธิพลเมืองของพม่าหรือไม่ สิทธิที่โรฮิงญาถูกปฏิเสธมายาวนาน ซึ่งรัฐมนตรีพม่าตอบว่า “เรากำลังพยายามจะให้เกิดขึ้น”
พม่าปฏิเสธข้อกล่าวหาการกวาดล้างชาติพันธุ์ในรัฐยะไข่ โดยระบุว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงของประเทศดำเนินปฏิบัติการปราบปรามผู้ก่อความไม่สงบอย่างถูกต้องตามกฎหมายในวันที่ 25 ส.ค. ตอบโต้การโจมตีของผู้ก่อการร้ายโรฮิงญา
ผู้ลี้ภัยที่เดินทางมาถึงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กล่าวอ้างถึงการสังหาร เผาทำลาย ปล้นทรัพย์สิน และข่มขืน โดยสมาชิกของกองกำลังรักษาความมั่งคง และกลุ่มม็อบชาวบ้าน แต่ทางการพม่าปฏิเสธข้อกล่าวหาเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม กองทัพเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (10) ว่านายทหาร 7 นาย ถูกตัดสินจำคุก 10 ปี และใช้แรงงานหนัก จากการมีส่วนร่วมในการสังหารหมู่ชายชาวมุสลิมโรฮิงญา 10 คน ในหมู่บ้านอินดินในเดือน ก.ย.
พม่า และบังกลาเทศบรรลุข้อตกลงในเดือน พ.ย. ที่จะเริ่มส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศภายใน 2 เดือน แต่จนถึงเวลานี้ยังไม่สามารถเริ่มต้นได้ ขณะเดียวกัน ยังมีโรฮิงญาเดินทางมาบังกลาเทศต่อเนื่อง
ตำรวจบังกลาเทศในชุดเครื่องแบบเข้าประจำตามจุดต่างๆ บนถนนที่มุ่งหน้าไปยังค่ายกุตุปะหล่อง เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่รัฐมนตรีพม่า ขณะที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเดินลาดตระเวน และสั่งให้ยวดยานพาหนะหลบเลี่ยงไปจากบริเวณสำนักงานผู้บริหารค่าย.
