รอยเตอร์ - พระวิระธู พระสงฆ์พม่าระบุว่า คำเทศนาต่อต้านมุสลิมของท่านไม่ได้ก่อให้เกิดความรุนแรงในรัฐยะไข่ หลังคำสั่งห้ามเทศนานาน 1 ปี ได้สิ้นสุดลง
พระวิระธู เป็นพระสงฆ์ชาตินิยมสุดโต่งชื่อดังรูปหนึ่งของประเทศ ที่ถูกมองว่ามีบทบาททางการเมืองนับตั้งแต่ประเทศเปลี่ยนแปลงจากการปกครองของรัฐบาลทหารในปี 2554
ความรุนแรงเกิดขึ้นต่อชุมชนมุสลิมทั่วประเทศ และคำพูดวิจารณ์อย่างรุนแรงของกลุ่มชาวพม่าชาตินิยมเกิดขึ้นต่อชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ที่ชาวพม่าจำนวนมากมองว่าชนกลุ่มน้อยเหล่านี้เป็นผู้อพยพผิดกฎหมายจากบังกลาเทศ หรือ “เบงกาลี”
โรฮิงญาเกือบ 700,000 คน หลบหนีไปบังกลาเทศตั้งแต่ผู้ก่อความไม่สงบโจมตีด่านตำรวจ และค่ายทหารเมื่อวันที่ 25 ส.ค. และนำมาซึ่งการปราบปรามของทหารเพื่อตอบโต้ผู้ก่อความไม่สงบดังกล่าว ที่สหประชาชาติระบุว่า การปราบปรามที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์ และอาจเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
“รัฐยะไข่เผชิญต่อการก่อการร้ายของเบงกาลี” พระวิระธู กล่าว และปฏิเสธคำกล่าวที่ว่าท่านเป็นผู้ก่อความขัดแย้งที่รัฐยะไข่ และอ้างถึงความสงบสุขที่บ้านเกิดของท่านในมัณฑะเลย์
“หากวิระธูสร้างความขัดแย้ง มัณฑะเลย์คงจะกลายเป็นเถ้าถ่าน โลกไม่รู้ความจริงนี้” พระวิระธู กล่าวระหว่างร่วมงานฉลองการกลับมาเทศนาได้อีกครั้งหนึ่งในนครย่างกุ้ง
เมืองมัณฑะเลย์เคยเกิดเหตุความไม่สงบระหว่างชุมชนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน ในปี 2557 จากข่าวปลอมที่ว่าชาวมุสลิมข่มขืนหญิงชาวพุทธ
พระวิระธูเดินทางไปรัฐยะไข่อย่างน้อย 2 ครั้งในช่วงปีที่ผ่านมา แม้เถรสมาคมจะกำหนดห้ามพระวิระธูเทศนาเป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่เดือน มี.ค.2560
ความเคลื่อนไหวของเถรสมาคมถูกมองว่าเป็นความพยายามของรัฐบาลอองซานซูจีที่จะควบคุมบรรดากลุ่มชาตินิยมสุดโต่งที่เป็นภัยคุกคามบ่อนทำลายรัฐบาลใหม่ชุดนี้ และพระปามักคา พระชาตินิยมอีกรูปหนึ่งเพิ่งถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำเมื่อวันศุกร์หลังรับโทษจำคุก 3 เดือน จากการชุมนุมประท้วงในปี 2559 ต่อต้านการใช้คำว่าโรฮิงญาของรัฐบาลสหรัฐฯ
หลังมีคำสั่งห้ามเทศนา พระวิระธู มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำสั่งดังกล่าวด้วยการโพสต์รูปตัวเองโดยมีเทปปิดปากลงบนสื่อสังคมออนไลน์ และยังโพสต์คลิปวิดีโอ และความเห็นต่างๆ แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา บัญชีเฟซบุ๊กของพระวิระธูไม่สามารถเข้าใช้งานได้
แต่อย่างไรก็ตาม พระวิระธู ระบุว่า ท่านจะยังทำงานชาตินิยมของท่านต่อไป
“เมื่อเฟซบุ๊กปิดกั้นเรา เราพึ่งยูทิวป์ แต่แม้ยูทิวป์จะเข้าถึงผู้คนไม่กว้างพอ เราจะใช้ทวิตเตอร์ทำงานชาตินิยมของเราต่อไป” พระวิระธู กล่าว.