เฟซบุ๊กลบหน้าเพจ “พระวิระธู” สงฆ์พม่าต้านมุสลิมสุดโต่งออกจากระบบ

เอเอฟพี - เฟซบุ๊กยืนยันว่า ได้ถอดหน้าเพจของพระสงฆ์ที่ได้รับการขนานนามว่า “บิน ลาเดน แห่งพม่า” ออกจากแพลตฟอร์ม เนื่องจากการโพสข้อความต่อต้านชาวมุสลิม ในขณะที่บริษัทกำลังเผชิญต่อแรงกดดันในการควบคุมการใช้ถ้อยคำสร้างความเกลียดชังบนสื่อสังคมออนไลน์

พระวิระธู ผู้นำขบวนการชาตินิยมชาวพุทธสุดโต่งของพม่า ที่มีผู้ติดตามบนสื่อสังคมออนไลน์หลายแสนคน ใช้หน้าเพจเฟซบุ๊กเป็นพื้นที่ในการโจมตีชาวมุสลิม โดยเฉพาะชนกลุ่มน้อยโรฮิงญา

ชาวโรฮิงญาเกือบ 700,000 คน ต้องหลบหนีไปบังกลาเทศตั้งแต่ปลายเดือน ส.ค. หลังทหารดำเนินการปราบปรามในรัฐยะไข่ ที่สหประชาชาติ และสหรัฐฯ ระบุว่า การปราบปรามที่เกิดขึ้นเป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์ แต่การปราบปรามดังกล่าวกลับได้รับการสนับสนุนจากชาวพม่าผ่านโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก

โฆษกของเฟซบุ๊กเผยว่า หน้าเพจของพระวิระธูถูกลบออกไปแล้ว

“มาตรฐานชุมชนของเราห้ามองค์กร และบุคคลใช้พื้นที่เฟซบุ๊กเพื่อการส่งเสริมความเกลียดชังและความรุนแรงต่อผู้อื่น” โฆษกเฟซบุ๊กกล่าวผ่านทางอีเมล

“หากบุคคลใดยังแชร์เนื้อหาที่ส่งเสริมความเกลียดชังอย่างต่อเนื่อง เราอาจดำเนินมาตรการ เช่น การระงับความสามารถในการโพสต์เป็นเวลาชั่วคราว หรือท้ายที่สุดคือการลบบัญชีผู้ใช้” โฆษกเฟซบุ๊ก ระบุ

หน้าเพจของพระวิระธูถูกถอดออกในช่วงปลายเดือน ม.ค.

เอเอฟพีไม่สามารถติดต่อพระวิระธูเพื่อขอความเห็นได้ แต่พระรูปนี้เคยระบุในวิดีโอคลิปเมื่อปีก่อนว่า บัญชีเฟซบุ๊กของท่านถูกระงับการใช้งานชั่วคราวเป็นเวลา 30 วัน เพราะเฟซบุ๊กถูกชาวมุสลิมยึดครอง

การใช้งานเฟซบุ๊กขยายตัวอย่างมากในพม่านับตั้งแต่รัฐบาลกึ่งพลเรือนเปิดกว้างภาคโทรคมนาคมของประเทศในปี 2556 ทำให้ประชาชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ง่ายมากขึ้น ขณะที่พระสงฆ์หัวรุนแรง เช่น พระวิระธู ก็ใช้งานเฟซบุ๊กเช่นเดียวกัน แต่มีชื่อเสียงในทางไม่ดี จากการเผยแพร่ความเกลียดชังต่อต้านชาวมุสลิมผ่านโพสต์ต่างๆ ซึ่งข้อความรุนแรงดุเดือดของพระวิระธู ถูกกล่าวโทษว่า เป็นการยั่วยุปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรงระหว่างคนต่างศาสนา

หลังนางอองซานซูจี เข้าบริหารประเทศในปี 2559 รัฐบาลได้ยุบกลุ่มมะบะธา ขบวนการต่อต้านมุสลิมที่พระวิระธูร่วมอยู่ และห้ามพระวิระธูเทศนาเป็นเวลา 1 ปี แต่อย่างไรก็ตาม พระวิระธูยังคงมีอิทธิพลอยู่มาก

สื่อสังคมออนไลน์ยักษ์ใหญ่กำลังเผชิญต่อการเรียกร้องให้มีการควบคุมการใช้ถ้อยคำสร้างความเกลียดชังในบัญชีผู้ใช้งานต่างๆ ของพม่า และแรงกดดันเพิ่มมากขึ้นในช่วงวิกฤติโรฮิงญา

เต๊ต ส่วย วิน นักเคลื่อนไหวในนครย่างกุ้ง กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของเฟซบุ๊กนี้เป็นการส่งข้อความเชิงสัญลักษณ์เกี่ยวกับการไม่อดทนยินยอมต่อการใช้ถ้อยคำสร้างความเกลียดชัง แต่การลบหน้าเพจไม่ได้แก้ไขปัญหาดังกล่าว

“พวกเขาลบบัญชีของพระวิระธู แต่ไม่ได้ลบคลิปวิดีโอ หรือถ้อยคำสร้างความเกลียดชังทางศาสนาของเขา สิ่งพวกนั้นยังอยู่บนเฟซบุ๊ก และบรรดาผู้ติดตามพระวิระธูก็กำลังแพร่กระจายสิ่งเหล่านี้” นักเคลื่อนไหว กล่าวเตือน.