MGRออนไลน์ -- เรือนจำเริ่มล้น มีนักโทษเพิ่มขึ้นทุกปี เมื่อปีที่แล้วพุ่งกระฉูดเกือบ 30% ทางการกัมพูชาผุดแผนการ "คุกคนรวย" แยกออกไปต่างหาก -เป็นอิสระมากขึ้น สะดวกสบาย สำหรับผู้ต้องขังที่สามารถจ่ายได้ แลกกับการแยกขัง โดยต้องเสียค่าเช่า ไม่ต่างกับเข้าพักในโรงแรม เชื่อว่าแผนการนี้ จะช่วยบรรเทาปัญหาประชากรล้นคุกได้
นายซอ เค็ง (Sar Kheng) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา เปิดเผยความคิดนี้ ในการประชุมเจ้าหน้าที่ ระดับผู้คุมนักโทษ จากเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ เมื่อวันอังคาร 20 ก.พ.ที่ผ่านมา มีรายงานเรื่องนี้ในสื่อออนไลน์ภาษาเขมรหลายแห่ง
ตามรายงานของกรมราชทัณฑ์ ปี 2560 ที่ผ่านมานักโทษทั่วประเทศ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ใน 3 ซึ่งเกินขีดความสามารถโดยรวม ของเรือนจำทั้งหมด และ รมว.มหาดไทยกล่าวว่า โครงการ "คุกคนรวย" จะช่วยแบ่งเบาปัญหานี้ได้
รายงานประจำปีของกรมราชทัณฑ์ ที่ออกในวันเดียวกัน ระบุว่าจนถึงสิ้นปี 2560 ทั่วกัมพูชามีประชากรในเรือนจำ ทั้งสิ้น 28,414 คน ในนั้นกว่า 10,000 คนเป็นผู้ต้องขัง รอการพิจาณาคดีในชั้นศาล ซึ่งเรื่องนี้มักจะถูกกล่าวหา จากองค์การสิทธิมนุยชนของสหประชาชาติ อยู่เป็นประจำว่า เป็นการกักขังที่ไม่สมควร เนื่องจากยังไม่พบว่ามีการกระทำความผิด ซึ่งถือเป็นการละเมิดอย่างหนึ่ง
มีเสียงวิจารณ์คล้ายกันนี้ จากบรรดาองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วไปด้วย
กระทรวงนี้กล่าวว่า จำนวนนักโทษที่เพิ่้มขึ้นนั้น มาจากสาเหตุหลักคือ การเข้มงวดกวดขัน ปราบปรามและจับกุมผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับยาเสพติด ที่ดำเนินมาตั้งแต่ช่วงต้นปี โดยมีผู้ถูกจับกุมถึง 17,800 คน แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นเพียงผู้เสพยาเสพติดรายย่อยก็ตาม และ การจับกุม-ปราบปราม ยังจะดำเนินต่อไปจนถึงเดือนก.ค.ปีนี้ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
นายซอ เค็ง บอกว่า การที่มีผู้ต้องขังเพิ่มขึ้นนี้ ทำให้เกิดความแออัด ความมั่นคงปลอดภัยของเรือนจำ ก็ลดลงอย่างไม่มีทางเลี่ยง จำเป็นจะต้องมีพื้นที่สำหรับคุมขังเพิ่มขึ้น -- สำหรับนักโทษยาเสพติด ที่เพิ่มขึ้นมากมายนั้่น หากเป็นโทษสถานเบา และ ถูกคุมขังเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก็อาจจะอนุญาตให้คนเหล่านั้น กลับไปสู่ชุมชนดั้งเดิมของพวกเขาได้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความแออัดของเรือนจำได้อีกทางหนึ่ง
.
ปัจจุบันกำลังมีการก่อสร้างแดนคุมขังพิเศษ ขึ้นภายในเรือนจำกลางเปรย์ซอ (Prey Sar) ในกรุงพนมเปญ เพื่อทดลองโครงการ ห้องขังสำหรับนักโทษรวยโดยเฉพาะ โดยคนเหล่านั้่นจะต้องจ่ายค่าบริการ -- รายงานของกรมราชทัณฑ์ระบุว่า จนถึงปัจจุบันการก่อสร้าง แล้วเสร็จไปประมาณ 60%
รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ถ้าหากการทดลองนี้ได้ผลออกมาดี ก็จะนำไปสู่การก่อสร้าง "คุกคนรวย" ในอีกหลายจังหวัด เช่น เสียมราฐ พระตะบอง สวายเรียง กัมปงจาม ตะแกว สตึงแตร็ง -- จังหวัดอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน โดยกระทรวงมีนโยบายจะให้เอกชนเข้าลงทุน ด้านบริการพื้นฐานต่างๆ ภายในแดนใหม่อีกด้วย
แดนนักโทษร่ำรวย มีลักษณะคล้ายกับโรงแรม ให้นักโทษได้เช่าพักอาศัย ขณะรับโทษ มีระบบอำนวยความสะดวก ซึ่งแตกต่างไปจากห้องขังรวมในเรือนจำแห่งเดียวกัน รวมทั้งไม่ต้องใช้ห้องน้ำ ร่วมกับนักโทษอื่นๆ ด้วย
ปัจจุบันมีนักโทษจำนวนมากที่ "แพ้เรือนจำ" ร่างกายอ่อนเพลีย อ่อนแรง หรือ ล้มป่วยด้วยโรคต่างๆ อันเกิดจากอาหารการกินที่ไม่สมบูรณ์ กับการรักษาความสะอาด ซึ่งในแดนพิเศษจะไม่มีปัญหาเหล่านี้่
ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับว่า นักโทษที่มีกำลังซื้อ จะได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรบ้าง หรือ ได้รับสิทธิพิเศษแตกต่างไปจากนักโทษทั่วไปอย่างไรหรือไม่ -- ผู้สังเกตการณ์ตั้งคำถามว่า นโยบายนี้เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไหม่ ขัดต่อหลักการ และ วิธีการสร้างพลเมืองใหม่ ให้ผู้กระทำความผิดกลับตัวกลับใจ ออกไปเป็นคนดีของสังคมหรือไม่
หลายฝ่ายเตือนว่า การมี "เรือนจำชั้นดี" หรือ "โรงแรมหรู" ในสถานที่ขุมขังนักโทษนั้น จะเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับต่างๆ แสวงหาผลประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
หน่วยสิทธิมนุษยชนลิคาโด (Licadho) รายงานเมื่อปี 2558 ว่า ในปัจจุบันภายในเรือนจำกัมพูชานั้น เงินสามารถซื้อความสะดวกต่างๆ ได้อยู่แล้ว นักโทษที่ร่ำรวยสามารถติดสินบนเจ้าหน้าที่ หรือ ผู้คุมได้ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งอาหาร น้่ำดื่มสะอาด การรักษาพยาบาล แม้กระทั่งการอำนวยความสะดวกแก่ญาติๆ ที่ไปเยี่ยม
.
เจ้าหน้าหน่วยสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า ถึงแม้จะต้องมีพื้นคุมขังมากขึ้น แต่ยังไม่มีทางที่จะทราบได้ว่า การเปิดแดนหรูหราขึ้นมา อำนวยความสะดวกให้แก่นักโทษหยิบมือหนึ่ง จะช่วยแก้ปัญหาการแออัดได้จริงหรือไม่ หรือ ยิ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่เรือนจำ ที่แสวงหาประโยชน์ส่วนตนอยู่แล้ว ร่ำรวยยิ่งขึ้่น และ จะสร้างปัญหาความเหลื่อมล้ำ ระหว่างนักโทษทั่วไปหรือไม่ ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้่นล้วนอยู่ในสถานะอันเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม พล.ท.นุธ สาวนา (Nouth Savna) รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวในวันเดียวกันว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำจะต้องไม่รับทรัพย์สินเงินทอง หรือ สินบนใดๆ จากครอบครัวของนักโทษ
ยังไม่มีฝ่ายไหนทราบแน่นอน เกี่ยวกับความสามารถอันแท้จริง ในการคุมขังของเรือนจำทั่วประเทศ ริคาโดรายงานเมื่อปี 2558 ว่า ในปัจจุบัน เรือนจำทั้งหมดสามารถรับผู้ต้องขังได้เพียง 8,500 คน เท่านั้่น ขณะเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ กล่าวว่าความสามารถจริง น่าจะสูงกว่านั้่นราว 2 เท่า เนื่องจากภายในเรือนจำแต่ละแห่ง มีห้องขังทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ปะปนกัน
แต่ถึงแม้จะมีขีดความสามารถ เป็นสองเท่าของตัวเลข ที่หน่วยงานสิทธิมนุษยชนระบุ จำนวนนักโทษที่สามารถรับได้ทั้งหมด ก็ยังเป็นเพียง 17,000 คนเท่านั้่น นับว่าหนักหนาสาหัส เมื่อเทียบกับจำนวนที่เพิ่มขึ้นมากมาย ในช่วงปีที่ผ่านมา
ตามตัวเลขของกรมราชทัณฑ์ ในบรรดานักโทษ 28,414 คนเมื่อปีที่แล้วนั้น เป็นนักโทษหญิง 2,443 คน คิดเป็นอัตราการเพิ่มโดยรวม 29.21% จากปี 2559 นั่นคือ เพิ่มขึ้นอีก 6,425 คน เป็นนักโทษหญิง 662 คน
พล.อ.จัน กิมเส็ง (Chan Kimseng) อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยระหว่างการประชุมเมื่อวันอังคารว่า ในจำนวนทั้งหมดนี้ 51.76% เป็นผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อีก 18.88% เป็นพวกหัวขโมย และ ฉกชิงวิ่งราวทรัพย์
กรมราชทัณฑ์ได้รับเงินประมาณ เป็นค่าอาหารเพียงประมาณ 0.75% ของจำนวนที่นักโทษต้องการเท่านั้่น ซึ่งทำให้เกิดปัญหาการขาดอาหารในเรือนจำ และ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มงบประมาณในส่วนนี้่
ปีที่แล้วเช่นกัน มีนักโทษแหกคุกจำนวน 17 ราย ขณะเดียวกันมีนักโทษเสียชีวิตในเรือนจำทั้งหมด 100 คน ในนั้่นเสียชีวิตในศูนย์อนามัยของเรือนจำ 80 คน จำนวนที่เหลือสิ้นใจในห้องคุมขัง เนื่องจากปัญหาสุขภาพ.