เอเอฟพี - นักศึกษา 14 คน ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยในพม่า หลังชุมนุมประท้วงเรียกร้องการเพิ่มงบประมาณการศึกษา ตามการเปิดเผยของนักเคลื่อนไหววันนี้ (28) การตัดสินใจของทางการพม่าที่สร้างความวิตกเกี่ยวกับการเสื่อมถอยของเสรีภาพในระบอบประชาธิปไตยของประเทศ
การชุมนุมนาน 4 วัน เกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยยาดานาบอน ในเมืองมัณฑะเลย์ โดยมีนักศึกษาเข้าร่วมการชุมนุมราว 100 คน ก่อนถูกตำรวจเข้าสลายในวันที่ 25 ม.ค. ความเคลื่อนไหวของนักศึกษาครั้งนี้ถือเป็นการชุมนุมประท้วงของนักศึกษาครั้งแรกภายใต้รัฐบาลพลเรือนของนางอองซานซูจี ที่เข้าบริหารประเทศในต้นปี 2559
นักศึกษาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงการปกครองของรัฐบาลเผด็จการทหาร ที่ดำเนินการปราบปรามอย่างรุนแรงต่อผู้เห็นต่าง และหลายคนต่างวาดหวังว่า ซูจีจะนำประเทศไปสู่ยุคใหม่ของเสรีภาพ แต่คดีหมิ่นประมาท และการจับกุมนักข่าวกลับเกิดขึ้นบ่อยครั้งจนวิตกว่าเสรีภาพกำลังก้าวถอย
สำหรับกรณีล่าสุดที่ก่อให้เกิดเสียงตำหนิคือ การไล่ออกนักศึกษา 14 คน ที่เข้าร่วมการชุมนุมเรียกร้องการเพิ่มงบประมาณชาติให้แก่ภาคส่วนการศึกษา
“เราได้รับจดหมายที่ระบุว่า เราถูกไล่ออกเนื่องจากละเมิดกฎระเบียบ ข้อเรียกร้องเหล่านี้ไม่ใช่ข้อเรียกร้องสำหรับพวกเรา แต่เพื่อนักศึกษา และเจ้าหน้าที่ด้านการศึกษาทุกคนทั่วทั้งประเทศ” กอ ถิหา เย กอ นักศึกษาอายุ 22 ปี กล่าว
มุขมนตรีเมืองมัณฑะเลย์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามนักข่าวเกี่ยวกับคดีนี้ โดยระบุเพียงว่า “เราแค่ดำเนินการตามกฎหมาย” ขณะที่เจ้าหน้าที่รายอื่นไม่สามารถติดต่อขอความเห็นได้
ยาน เมียว เต็ง นักวิเคราะห์ และอดีตนักโทษการเมืองได้แสดงความเห็นตำหนิการตัดสินใจรุนแรงของรัฐบาลว่า เป็นการตัดสินใจที่เพิกเฉยต่อการเสียสละอย่างมากมายที่มีให้แก่ประชาธิปไตยของพม่า รัฐบาลควรพิจารณาข้อเรียกร้องของนักศึกษา
ระบบการศึกษาของพม่าย่ำแย่ลงอย่างมากหลังการปราบปรามของรัฐบาลทหารในเหตุการณ์การลุกฮือของประชาชนนำโดยนักศึกษาในปี 1988 เหตุการณ์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมาถึง 3,000 คน นักศึกษาจำนวนมากถูกฆ่า หรือถูกไล่ออกจากสถานศึกษา ขณะที่มหาวิทยาลัยหลายแห่งถูกปิดนานหลายปี.