รอยเตอร์/เอเอฟพี - สหรัฐฯ เตรียมส่งเรือบรรทุกเครื่องบินเยือนเวียดนามในเดือน มี.ค.นี้ ที่ถือเป็นการเทียบท่าครั้งแรกตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเวียดนาม ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย ความเคลื่อนไหวที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสองประเทศที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นขณะที่ จิม แมตทิส รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เยือนกรุงฮานอยเป็นเวลา 2 วัน และคาดว่าจะมุ่งประเด็นหารือในความวิตกร่วมกันเกี่ยวกับจีน
เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ จะเทียบท่าที่นครด่าหนัง ในเดือน มี.ค. ตามคำแถลงของกระทรวงกลาโหมเวียดนาม ซึ่งแมตทิส ยังได้กล่าวขอบคุณเวียดนามสำหรับการเพิ่มความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันด้วยการเยือนของเรือบรรทุกเครื่องบินยังนครด่าหนัง กับเหวียน ฝู จ่อง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันถึงแผนการเยือนดังกล่าวที่ถูกยกขึ้นหารือระหว่างแมตทิสและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเวียดนาม และกำลังรอการอนุมัติขั้นสุดท้ายจากผู้นำประเทศ
“เราคาดว่าเรื่องนี้จะผ่านการอนุมัติ” โฆษกเพนตากอน กล่าว
เจ้าหน้าที่ของเพนตากอน ระบุว่า ก่อนหน้านี้ เรือของสหรัฐฯ ที่มีขนาดเล็กกว่าเคยเข้าเทียบท่าเวียดนาม เช่น ในปี 2559 เรือพิฆาตติดอาวุธปล่อยนำวิถีจอห์น เอส แมคเคน และเรือแฟรงค์ เคเบิล เคยจอดในอ่าวกามแรง ที่เป็นอ่าวยุทธศาสตร์สำคัญของเวียดนาม แต่ครั้งนี้จะเป็นการเทียบท่าครั้งแรกของเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ
แมตทิส กล่าวว่า เสรีภาพในการเดินเรือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเวียดนามที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
“เสรีภาพในการเดินเรือ และการเข้าถึงทะเลจีนใต้จะมีความสำคัญต่อเวียดนามในเชิงเศรษฐกิจ และแน่นอนว่ารวมถึงความพยายามในการรักษาความมั่นคงของพวกเขา” แมตทิส กล่าวต่อนักข่าว
เอียน สตอเรย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทะเลจีนใต้จากสถาบัน ISEAS Yusof Ishak ในสิงคโปร์ ระบุว่า การเยือนของเรือบรรทุกเครื่องบินมีความสำคัญอย่างสูง ด้วยเป็นสัญลักษณ์ถึงแนวทางความสัมพันธ์ด้านกลาโหมที่ก้าวไปข้างหน้าโดยมีอำนาจที่ขยายตัวของจีนเป็นฉากหลัง
ความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างสองประเทศพัฒนาขึ้นในช่วงหลายปีมานี้ โดยในปี 2559 อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้เดินทางเยือนเวียดนาม และยกเลิกข้อห้ามการค้าอาวุธที่กำหนดขึ้นตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเวียดนาม ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของเวียดนาม เดินทางเยือนสหรัฐฯ ในเดือน ส.ค.2560 ส่วนหนึ่งในความพยายามของฮานอยที่จะรักษาความใกล้ชิดกับวอชิงตันภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์.