MGRออนไลน์ -- การเปิดเที่ยวบินตรงไปยังสหรัฐ เป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็นสำหรับสายการบินประเทศต่างๆ ทั่วโลก เนื่องจากกฎระเบียบ กับมาตรฐานด้านความมั่นคงปลอดภัยที่เคร่งครัดมาก หลังเกิดเหตุการณ์ 9/11 นอกจากนั้นยังเสี่ยงต่อการขาดทุน --เวียดนามแอร์ไลน์สก็ไม่ได้ต่างกัน หลังพยายามมาเป็นเวลากว่า 10 ปี สายการบินแห่งชาติ ประกาศจะเปิดบินให้ได้ในปีนี้ เนื่องจากเงื่อนไขต่างๆ พร้อมเกือบสมบูรณ์ 100% แล้ว
ตามรายงานของสื่อทางการ รัฐบาลคอมมิวนิสต์ ได้เสนอเปิดเที่ยวบินตรงต่อทางการสหรัฐเมื่อ 2 ปีที่แล้ว หลังจากความสัมพันธ์ระหว่างศัตรูเก่า ถูกยกระดับขึ้นมาขั้นสูงสุด โดยสหรัฐยกเลิกเอ็มบาร์โก หรือ "ข้อห้าม" ที่เหลืออยู่ทั้งหมด ปัจจุบันสายการบินเวียดนาม กำลังพิจารณาว่าปลายทางแรก ควรจะเป็นที่ไหนดี ระหว่างนครซานฟรานซิสโก กับ นครลอสแอนเจลีส
เมื่อข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ก็ได้กลายเป็นประเด็นที่พูดถึงกันมาก ในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งๆ ที่สายการบินเวียดนามตระหนักเป็นอย่างดีว่า กำลังจะต้องประสบปัญหาการขาดทุนมหาศาล ในช่วงแรกๆ เพราะเป็นการยากมากๆ ที่จะเปลี่ยนค่านิยมของผู้โดยสารชาวอเมริกัน ที่คุนเคยกับการใช้บริการสายการบินของสหรัฐเอง ในการเดินทางออกนอกประเทศ
ปัจจุบันชาวอเมริกันที่เดินทางมาในย่านเอเชีย มักจะเลือกเที่ยวบินของ ยูไนเต็ดแอร์ไน์ส เพื่อไปต่ออีกเที่ยวบินจากกรุงโตเกียว มายังประเทศแถบนี้ อันเป็นความร่วมมือกันกับสายบินในญี่ปุ่น ใช้รหัสจำหน่ายตั๋วด้วยกัน ซึ่งทำให้สายการบินสหรัฐ สามารถลดต้นทุนได้มากกว่า การบินตรงไปจากต้นทางต่างๆ ในสหรัฐเอง
แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า สถานการณ์กำลังเปลี่ยนไป เนื่องจากมีการแข่งขันมากยิ่งขึ้น สายการบินชั้นนำจากทั่วโลก ที่บินเชื่อมสหรัฐในเวลานี้ รวมทั้งสายการบินเอมิเร็ตส์ จากย่านตะวันออกกลาง ต่างเสนอตั๋วโดยสารไป-กลับในราคาพิเศษ และ สามารถดึงดูดโดยสารชาวอเมริกัน ได้่ไม่น้อย ในการเดินทางข้ามฝั่งแปซิฟิกมายัง ประเทศต่างๆ ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับเวียดนาม ปัจขัยที่ดึงดูดใจเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ต้องเร่งเปิดบินตรงไปยังสหรัฐก็คือ ปี 2560 ที่เพิ่งจะผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน เดินทางเข้าเวียดนาม เป็นจำนวนกว่า 614,000 คน คิดเป็นอัตราเพิ่ม 11% ปีต่อปี และ มากเป็นอันดับ 3 ในบรรดานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เดินทางไปเที่ยวเวียดนามในปีเดียวกัน
.
เศรษฐกิจสหรัฐที่เติบโตในอัตราสูงขึ้น อัตราว่างงานในประเทศที่ลดลง ทำให้เชื่อว่า จะมีนักทอ่เงีท่ยวชาวอเมริกาเดินทางเข้าเวียดนามมากขึ้นอีกในปีนี้ กับปีข้างหน้า
รนัฐบาลได้สั่งให้เวียดนามแอร์ไลน์ส เปิดบินตรงไปยังสหรัฐให้ได้ตั้งแต่ปี 2550 ซึ่งในขณะนั้นมีชาวอเมรืกัน เดินทางเข้าไปละ 3 แสนคนเศษ และ เวียดนามยังไม่มีเครื่องบินพอให้บริการด้วยซ้ำ แต่จะเช่าโบอิ้ง 777-200ER เพิ่มเติม เพื่อใช้ในเส้นทางสำคัญ ตามนโยบายของรัฐบาล
แต่ความพยายามไม่เคยประสบความสำเร็จ ด้วยปัญหากฎระเบียบของฝ่ายสหรัฐ ที่มีมากมายอย่างคาดไม่ถึง รวมทั้งมาตรฐานการให้บริการ ที่จะต้องมีการปรับปรุง เป็นจำนวนมาก ตลอดจนเงื่อนไขทางการเมือเง ที่รัฐสภาสหรัฐ ยังเป็นกังวนต่อการละเมิดสิทธิมทนุษยชน โดยรัฐบาลคอมมิวนิสต์
วันที่ 9 ธ.ค.2547 นับเป็นวันประวัติศาสตร์ของการนบินในประเทศ เมื่อโบอิ้ง 747-400 เที่ยวบิน UA869 ของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไน์ส จากนครซานฟรานซิสโก บินไปลงที่สนามบินเติ่นเซินเญิ๊ต นครโฮจิมินห์ โดยแวะฮ่องกงเพียงแห่งเดียว กลายเป็นครั้งแรกใสนรอบ 30 ปี นับตั้ง
แต่สายการบินแพนแอม (PanAm) เดมื่อก่อน หยุดบินไปยังเวียดนามใต้เมื่อปี 2518
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รัฐบาลได้เปิดไฟเขียวให้สายการบินแห่งชาติจัดซื้อ เครื่องบินโดยสารขนาดต่างๆ เป็นจำนวนมาก รวมทั้งเครื่องบินโดยสารรุ่นใหม่คือ โบอิ้ง 787-900 จากผู้ผลิตในสหรัฐด้วย
.
บริษัทแอร์บัสแห่งยุโรป ประกาศในเดือน ก.ย.2559 ว่า ได้มีการเซ็นบันทุกช่วยความจำกับฝ่ายเวียดนามแอร์ไลน์ส เกี่ยวกับกาส่งมอบเครื่องบิน A350-900 จำนวน 10 "เพื่อใช้ในการบินแบบนอน-สต็อป ไปยังสหรัฐ"
นายซเวือง จี๊ แถ่ง (Dương Trí Thành) ประธานและซีอีโอ เวียดนามแอร์ไลน์ส ประกาศในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า สายการบิอนแห่งขาติพร้อมแล้ว ที่จะเปิดบินตรงไปยังชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐ และ สามารถดำเนินการได้ในทันที่ที่ การบินพลเรือนเวียดนาม ได้รับประกาศนียบัตร CAT1 จากสหรัฐ
ในช่วง 10 ปีมานี้ เวียดนามแอร์ไลน์ส ซื้อเครื่องบินขนาดต่างๆ เป็นจำนวนกว่า 60 ลำ รวมทั้งมีการปลดระวางเครื่องบิรนรุ่นเก่าไปหลายลำ ปัจจุบันมีเครื่องบินรุ่นใหม่ สำหรับบินเส้นทางไกลหลายสิบลำ ผู้ผลิตทั้งค่ายสหรัฐและยุโรป กำลังทยอยส่งมอบ ซึ่งจะดำเนินไปจนถึงปี 2563-2564 จำนวนนี้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว จากเมื่อ 10-12 ปีที่แล้ว
รัฐบาลเวี่ยดนามได้อนุมัติให้ขยายเส้นทาง และ เพิ่มจำนวนเที่ยวบิน ไปยังอีกหลายประเทศ รวมทั้งออสเตรเลีย จีน ในยุโรป และ สหรัฐด้วย ซึ่งทั้งหมดจะเริ่มในปีนี้เป็นต้นไป ในขณะที่คาดหมายว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้าราว 20 ล้านคน ภายในปี 2563 และ รายได้จากการท่องเที่ยว จะเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 10%-12% ของจีดีพี จาก 7% ในปัจจุบัน
ปีที่แล้วมีนักทอ่งเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าเวียดเนาม เกือบ 13 ล้านคน ทำรายได้ 22,700 ล้านดอลลาร์.