xs
xsm
sm
md
lg

ไปดู V280 "วาเลอร์" ฮ.ยุคหน้าเหนือระดับกองทัพบกสหรัฐ ขึ้นบินเป็นครั้งแรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#00003>ขนาดเล็กกว่า น้ำหนักเบากว่า บรรทุกได้น้อยกว่า แต่บินได้เร็วกว่า และ ติดอาวุธระบบาวุธปล่อยนำวิถีได้ นอกนั้นยังติดตั้งเครื่องยนต์บนโครงปีก -- ไม่เอียงตามโรเตอร์กับแกนบังคับเอียง ทำให้ใบพัดทั้งสองข้างยังหมุนได้พร้อมกัน ด้วยเครื่องยนต์เพียงเครื่องเดียว ในยามฉุกเฉินต่างๆ ซึ่งทำให้ V-280 ล้ำหน้าไปอีกก้าว จาก V-22 ออสปรีย์ ของนาวิกโยธินกับกองทัพอากาศ.  </b>

MGRออนไลน์ -- บริษัทเบลล์เฮลิคอปเตอร์ส (Bell Helicopters) แห่งสหรัฐ ได้เข้าสู่ขั้นตอนทดสอบสำคัญ นำ V-280 "วาเลอร์" ขึ้นบินเหนือพื้นเป็นครั้งแรก ซึ่งกำลังเป็นข่าวไปทั่วโลกในช่วง 2-3 วันมานี้ เพราะเป็นเหตุการณ์หนึ่ง ที่อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รอคอยมานาน เป็นการประกาศการดำรงอยู่ของ อากาศยานที่แกนโรเตอร์เอียงได้ (Tiltrotor) สำหรับยุคหน้ารอีกลำหนึ่ง นับตั้งแต่การบรรจุ V-22 "ออสปรีย์" (Osprey) ประจำการ สำหรับเหล่านาวิกโยธิน กับกองทัพอากาศ 2-3 ปีก่อนหน้านี้

ตามรายงานที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของเบลล์ฯ V-280 ลำแรกนี้ ขึ้นบินเหนือพื้นเป็นเวลา 15-20 นาที ภายในบริเวณลานทดสอบของบริษัท ที่เมืองอามาริลโล (Armarillo) มลรัฐเท็กซัส ตอนบ่ายวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา (ชมวิดีโอคลิป)

ต่างไปจาก "เหยี่ยวออสปรีย์" ก็คือ -- "วาเลอร์" นักรบผู้กล้าหาญ เป็นโครงการของกองทัพบกสหรัฐ และ เป็นหนึ่งในสองแอร์เฟรม ที่ได้รับการคัดเลือก ในขั้นตอนที่เรียกว่า Joint Multi-Role (JMR) Technology Demonstrator (TD) หรือ JMR-TD หรือ โครงการสร้างตัวสาธิตทางเทคโนโลยี เพื่อนำไปสู่ขั้นตอน การจัดสร้างต้นแบบอากาศยานขนส่งขึ้นลงทางดิ่งอเนกประสงค์แห่งอนาคต (Future Vertical Lift) หรือ FVL

กองทัพบกสหรัฐอาจนำ ผลที่ได้จากโครงการสาธิต JMR-TD ไปสร้างเป็น FVL ตัวจริง เพื่อบรรจุประจำการ ในช่วงทศวรรษที่ 2030 หรือ ช่วงปี พ.ศ.2570 นั่นคือ อีกราว 10 ปีข้างหน้า -- ใช้แทนอากาศยานปีกหมุน รุ่นต่างๆ ที่ใช้งานมานาน 20-30 ปีในปัจจุบัน และ บางรุ่นใช้มาตั้งแต่ช่วงสงครามเวียดนาม ที่กองทัพจะต้องทยอยปลดไป

เพราะฉะนั้น ถึงแม้บริษัทผู้ผลิตจะเรียก V-280 เป็น "เครื่องต้นแบบ" โดยเชื่อว่า ของจริงก็ไม่น่าจะแตกต่างๆ กันสักเท่าไร แต่ในนิยามของกองทัพนั้น ยังไม่ใช่ -- หากเป็นเพียง "ตัวสาธิต" ตัวหนึ่งของ FVL เท่านั้น เช่นเดียวกับ "ตัวสาธิต" ของอีกค่ายหนึ่ง คือ SB-1 "ดีฟายอันซ์" (Defiant) อันเป็นผลงานร่วมกันสร้าง ระหว่างซิกอร์สกี้ กับ โบอิ้ง ที่กำลังพัฒนาคู่ขนานกันไปในขณะนี้

โครงการ JMR-TD เริ่มเมื่อปี 2556 -- ปลายปีนั้น กองทัพบกได้เซ็นความตกลง ให้การสนับนุนทางการเงินแก่ 4 ทีม ที่ได้เข้าร่วมโครงการ ทีมละ 6.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งได้แก่ เบลล์เฮลิคอปเตอร์ส (Bell Helicopters) กับล็อกฮีดมาร์ติน สำหรับโครงการตัวสาธิต V-280 ส่วนอีก 3 ทีมได้แก่ไซกอร์สกี-โบอิ้ง สำหรับ SB-1 -- กับ AVX Aircraft และ Karem Aircraft
.

.
กระทรวงกลาโหมโดยกองทัพบก กำหนดให้ทั้ง 4 กลุ่มนี้ นำเสนอแผนการสาธิตทางเทคโนโลยี ภายในเวลา 9 เดือน และ ในนี้จะมีเพียง 2 ข้อเสนอ ที่จะได้รับการคัดเลือกให้จัดสร้างตัวสาธิต เพื่อให้ขึ้นบินทดสอบภายในปี 2560 ซึ่งโครงการของเบลล์-ล็อกฮีดมาร์ติน กับ ไซกอร์สกี-โบอิ้ง ได้รับการคัดเลือก มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ในเดือน ส.ค.2557

อย่างไรก็ตาม กลุ่มเบลล์ได้นำโมเดลที่สมบูรณ์แบบ ของ V-280 ออกแสดงเป็นครั้งแรก ในงาน Association of the United States Army 2013 หรือ AUSA 2013 และ ไม่รอการประกาศผลการคัดเลือก แต่ใช้เงินของบริษัทเอง จัดสร้าง V-280 "ตัวสาธิต" ที่กองทัพบกต้องการ จนกระทั่งแล้วเสร็จ ในเดือน ก.ย.ปีนี้ -- นำออกวิ่งทางราบ ทดสอบโครงสร้าง เครื่องยนต์ ระบบฐานล้อ และ อื่นๆ ซึ่งนำมาสู่ การขึ้นบินครั้งแรกต้นสัปดาห์นี้

หลังจากนี้ V-280 ยังจะต้องผ่านการทดสอบอีกหลายขั้นตอน ในปีหน้าตลอดทั้งปี โดยมีคณะกรรมการชุดหนึ่งของกระทรวงกลาโหม กับกองทัพบกสหรัฐ กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด

อีกแอร์เฟรมหนึ่ง ที่ได้รับคัดเลือก คือ SB-1 ของซิกอร์สกี้-โบอิ้ง ต้องเลื่อนการขึ้นบิน จากกำหนดเดิมเดือน ก.ย. ไปเป็นไตรมาสแรกของปี 2561 หลังจากกระแทกพื้นขณะลงจอด และ นักบินได้รับผลกระทบเล็กน้อย ระหว่างทดสอบการยกตัวภายในโรงงาน เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งผู้ผลิตกล่าวว่า ปัญหาเกิดจากระบบล้อ ไม่ได้เกี่ยวกับการออกแบบ โครงสร้าง เครื่องยนต์ หรือ ระบบอื่นใดของอากาศยาน นอกจากนั้นผู้ผลิตยังประสงค์ ที่จะปรับปรุงเกี่ยวกับใบโรเตอร์อีกด้วย

กองทัพบกกำหนดให้แอร์เฟรมโรเตอร์เอียงรุ่นใหม่ จะต้องบินเร็วขึ้นอีกอย่างน้อย 2 เท่า บินได้ไกลกว่า 2 เท่า ของปีกหมุนที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน มีความคล่องตัวสูงขึ้น บรรทุกได้มากขึ้น และ มีความยืดหยุ่นสูงขึ้นกว่าเดิม

V-280 ร่วมผลิตโดยหุ้นส่วนนับสิบราย -- ล็อกฮีดมาร์ตินผลิตระบบอาวุธ เจเนอรัลอิเล็กทริกผลิตเครื่องยนต์ อีกบริษัทหนึ่งผลิตส่วนลำตัว หลายบริษัทผลิตส่วนประกอบอื่นๆ รวมทั้งส่วนปีก ระบบเอวิโอนิกส์ ระบบไฮดรอลิกส์ ฯลฯ อันเป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะ -- นอกจากนั้นยังมีกลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานของอิสราเอล (Israel Aerospace Industries) เป็นผู้ผลิตแกน กับส่วนประกอบของโรเตอร์ ทำให้ IAI เป็นบริษัทต่างชาติรายแรก ที่ได้เข้าร่วมในโครงการนี้
.
<br><FONT color=#00003>พึงสังเกต -- เครื่องยนต์นิ่งในตำแหน่งเดิม ไม่เอนเอียงไปตามโรเตอร์ หรือ ตามแกนบังคับที่ซ่อน ตามแนวยาวปีกทั้งสองข้าง.  </b>


<br><FONT color=#00003>SB-1 ดีฟรายอันซ์ (Defiant) ของค่ายไซกอร์สกี-โบอิ้ง ใบพัด 2 ชั้นหมุนสลับข้างกัน จะได้เห็นขึ้นบินต้นปีหน้า. </b>
.
ถูกออกแบบให้มีน้่ำหนักเบาขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น จึงใช้แท่งคาร์บอนเป็นแกนโครงลำตัวของ V-280 และ ใช้แผ่นคาร์บอนพรุน (Honeycomb) ประกบกัน เป็นโครงสร้างเกือบตลอดทั้งลำตัว ซึ่งน้ำหนักที่เบาลง ช่วยให้การใช้พลังของเครื่องยนต์มีประสิทธิผล สูงขึ้นถึง 30% แม้จะหุ้มเกราะส่วนห้องนักบิน กับห้องโดยสารแล้วก็ตาม

ความก้าวหน้าเหนือชั้นประการสำคัญของ V-280 ที่โดดเด่นไปจาก V-22 ก็คือ การแยกส่วนแกนโรเตอร์ออกจากเครื่องยนต์ ซึ่งติดตั้งเข้ากับโครงส่วนปีกโดยตรง เครื่องยนต์จะยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม ในขณะที่โรเตอร์เอนเอียงไปตามแกน ที่ติดตั้งไว้ตลอดแนวยาวของปีกทั้งสองข้าง -- ในกรณีฉุกเฉินต่างๆ โรเตอร์ทั้งสอง จะสามารถหมุนได้พร้อมกัน ด้วยเครื่องยนต์เพียงเครื่องเดียว -- อันเป็นผลงานออกแบบของ IAI แห่งอิสราเอล

ตามรายละเอียดที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของเบลล์ฯ ก่อนหน้านี้่ วาเลอร์ใช้ลูกเรือประจำ 4 คน แต่สามารถใช้เพียง 1 หรีอ 2 คนก็ได้ และ บรรทุกกำลังพลได้ 14 คน บรรทุกน้ำหนักหรือมีเพย์โหลดสูงสุด 5.4 ตัน บินด้วยความเร็วปรกติ 280 นอต (เป็นที่มาของชื่อ V-280) -- นั่นคือ ความเร็ว 520 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (เทียบกับ 446 กม./ชม. สำหรับ V-22) ที่ระดับน้ำทะเล และ ทำความเร็วสูงสุดถึง 560 กม./ชม. บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,800 เมตร และ ในขณะบรรทุกเต็มอัตรา

ขณะที่ V-22 ซึ่งเบลล์ฯ ร่วมกับโบอิ้ง ผลิตให้กองทัพอากาศ และ นาวิกโยธิน เป็นโรเตอร์เอียงขนาดใหญ่ โดยลำเปล่าหนักกว่า 15 ตัน บรรทุกได้ถึง 24 ที่นั่ง หรือ 32 คน หากนั่งบนพื้น และ มีเพย์โหลดกว่า 9 ตัน V-280 เป็นเพียงแอร์เฟรมขนาดกลาง แต่เน้นความเร็ว ความคล่องตัว ประหยัด และ ติดอาวุธได้ ทั้งปืนกลอากาศ และ อาวุธปล่อยนำวิธี ตามความต้องการกองทัพบก

เบลล์ฯ กล่าวว่า ถึงแม้ตัวสาธิต จะจัดแบบหรือคอนฟิกูเรชั่น สำหรับการขนส่ง V-280 ดัดแปลงเป็น ฮ.โจมตี ที่ติดตั้งระบบอาวุธได้หลากหลาย สามารถยิงจรวดไม่นำวิถีอากาศสู่พื้น และ "ยิง" อาวุธปล่อยนำวิถีแบบอากาศสู่พื้น หรือ อาวุธปล่อยฯ ต่อสู้อากาศยานได้ แม้ในขณะโรเตอร์ตั้งตรงไปข้างหน้า กระทั่งติดตั้งอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กไปด้วยได้ อีก 1 ลำ โดยไม่รบกวนการทำงานของโรเตอร์

ประตูที่ออกแบบให้กว้าง 180 ซม.ทั้งสองข้าง ทำให้พลปืนมีพื้นที่ปฏิบัติงามากขึ้น ในกรณีที่ดัดแปลงเป็น "กันชิป"

ส่วนราคา -- ซึ่งมีความสำคัญยิ่งในยามนี้ -- ขณะที่ V-22 "ออสปรีย์" มีค่าตัวแพงจัดถึง 71.2 ล้านดอลลาร์ (2558) ต่อลำ ผู้บริหารของเบลล์ฯ คาดว่า V-280 น่าจะมีราคาค่างวดเท่าๆ กับ MH-60M ฮ.ติดอาวุธ ที่ถือเป็นรุ่นท็อปของ S-70 "แบล็กฮอว์ก" (Blackhawk) คือ 21.3 ล้าน (2555) -- หรือ อาจเท่ากับ AH-64E "อาปาเช่" (Apache/อาปาชี) คือ 35.5 ล้านดอลลาร์ (2557).
กำลังโหลดความคิดเห็น