MGRออนไลน์ -- พายุโซนร้อนไคตั๊กพัดผ่านตอนใต้ของหมู่เกาะสแปร๊ตลี ในทะเลจีนใต้ ตอนเช้าตรู่วันนี้พุธ 21 ธ.ค.นี้ และ ภาพบันทึกจากดาวเทียมอุตุนิยมฮิมาวาริ-8 (Himawari-8) ของญี่ปุ่น แสดงให้เห็นไอน้ำพาดเป็นทางยาว ตามแนวเคลื่อนตัวของพายุลูกนี้ ในช่วง 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา คล้ายกับส่วนหางของดาวหางบนท้องฟ้า หากเป็น "หางพายุ" ที่มีความยาว หลายพันกิโลเมตร
"หาง" ของพายุไคตั๊ก พาดยาวจากทะลจีนใต้ตอนล่าง โค้งขนานชายฝั่งขึ้นไปจนถึงตอนใต้ของหมูเกาะญี่ปุ่น และ เข้าสู่ทะเลแปซิฟิกตะวันตก ทำให้เกิดภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง -- อย่างน้อยที่สุดก็ในหมู่ผู้สังเกตุการณ์ในเวียดนาม
นี่คือสิ่งที่นักอุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์ในกรุงฮานอยเรียกว่า "ปรากฎการณ์พายุไคตั๊ก" (Kai-Tak Storm Phenomenon) ถึงแม้ว่าการปรากฏของ "หางพายุ" นั้น จะไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรเลยก็ตาม แต่การเกิด "หางยาว" ขนาดนี้ ไม่มีใครจำได้ว่า เคยเห็นกันครั้งสุดท้ายกับพายุลูกใด และ เมื่อไร จึงต้องเรียกเป็นปรากฏการณ์
ส่วนหางที่ว่านี้ แท้จริงแล้วก็คือ มวลไอน้ำที่ถูกพายุไคตั๊กหมุนขึ้นสู่ชั้นบน เมื่อมวลไอน้ำลอยขึ้นไปปะทะกับ มวลอากาศเย็นที่พัดลงไปจากทางตอนเหนือ ขณะเดียวกันก็ถูกกดดันอย่างหนัก จากมวลอากาศร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ทั้งนี้เนื่องจากเป็นฤดูร้อนในซีกโลกภาคใต้ -- จึงทำให้อนูของไอน้ำไม่มีทางจะขยับไปไหน จับตัวเป็นกลุ่มก้อนให้เห็น เป็นทางยาวในภาพอินฟราเรดจากจากดาวเทียม
สำนักพยาการณ์อากาศชั้นนำหลายแหงในย่านนี้ รวมทั้งศูนย์แจ้งเตือนไต้ฝุ่น ของกองทัพเรือสหรัฐ ในนครโฮโนลูลู และ หอสังเหตุการณ์ฮ่องกง ซึ่งเป็นหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์ของเขตปกครองพิเศษแห่งนี้ ต่างได้แสดงภาพเคลื่อนไหวคล้ายกัน -- แต่ทั้งหมดก็จะเห็นได้เพียงชั่วขณะหนึ่ง และ จะมลายหายไป เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิเหนือผิวน้ำ เมื่อกระแสน้ำจากบริเวณเส้นศูนย์สูตรไหลวนขึ้นไปในย่านนั้น และ ทำให้อุณหภูมิเหนือผิวน้ำทะเลอุ่นขึ้นอีก -- หรือ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ของมวลอากาศจากตอนเหนือ ซึ่งทำให้อากาศอบอุ่นขึ้น
สำหรับพายุโซนร้อนไคตั๊ก ถูกจัดเป็นพายุโซนร้อนรุนแรงอีกลูกหนึ่งในปีนี้ สำนักงานพายากรณ์อากาศหลายแห่ง รวมทั้งกรมอุตุนิยมวิทยาของไทย ต่างรายงาน การเปลี่ยนแปลงมาเป็นระยะๆ พายุลูกนี้ กำลังจะอ่อนตัวลงเป็นดีเปรสชั่นรุนแรงขณะเคลื่อนเขาอ่าวไทยตอนล่าง โดยมีปลายทางสุดท้าย ที่รัฐทางตะวันออกเฉียงเหนือของมาเลเซีย
.
สภาพการณ์เช่นนี้จะส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก จนถึงฝนตกปกคลุมทั่วไปในหลายจังหวัดภาคใต้ตอนล่างของไทย ตั้งแต่วันพฤหัสบดี 22 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ส่วนเวียดนามรอดพ้นจากอิทธิพล ของพายุฤดูหนาวลูกล่าสุดนี้ เมื่อกระแสของมวลอากาศเย็นมหึมา ช่วยกดหัวพายุให้ต่ำลงไปอีก จนอยู่ห่างลงไปหลายร้อยกิโลเมตรจาก ปลายแหลมญวน ที่ จ.ก่าเมิว
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะพัดผ่านย่านวิซายาส (Visayas) หรือ หมู่เกาะตอนกลางของฟิลิปปินส์ ที่มีประชากรอาศัยหนาแน่น พายุไคตั๊กทำให้เกิดฝนตกหนัก สร้างความเสียหายให้ประเทศนี้มากมาย มีผู้เสียชีวิตเกือบ 30 คน จากเหตุดินเลื่อน โคลนถล่ม ประชาชนอีกราว 88,000 คน ต้องอพยพโยกย้ายหนีภัย อีกราว 15,000 คน ติดค้างอยู่ตามท่าเรือแห่งต่างๆ ในย่านนั้น
การเกิดพายุรุนแรง ในฤดูหนาวเป็นสิ่งปรกติธรรมดาในแปซิฟิกตะวันตก หลายประเทศในย่านนี้เคยฉลองคริสต์มาส หรือฉลองเทศกาลต้อนรับปีใหม่ ส่งท้ายปีเก่า ในท่ามกลางสายฝนมาหลายครั้ง
-- วันคริสต์มาส 25 ธ.ค.2555 พายุโซนร้อนอู่กง (Wukong) พัดเข้าฟิลิปปินส์ ฝ่าข้ามทะเลจีนใต้จนถึงชายฝั่งเวียดนามในอีก 3 วันถัดมา ทำให้นักท่องเที่ยวนับพันๆ คนที่เมืองหวุงเต่าและในนครโฮจิมินห์ ไปจนถึงเมืองญาจาง -- ฉ่ำฝน
-- 11 ธ.ค.2557 ไต้ฝุ่นฮากูปี๊ต (Hagupit) ซึ่งเป็นไต้ฝุ่นที่มีความรุนแรงในระดับ 5 ขณะพัดผ่านฟิลิปปินส์ ได้ฝ่าลมหนาวไปจนถึงเวียดนาม ก่อนจะอ่อนตัวเป็นดีเปรสชั่นรุนแรงที่สุดอีกลูกหนึ่ง และ พัดเข้าอ่าวไทย หลังจากมลายเป็นมวลความกดอากาศต่ำ
-- 31 ธ.ค.2557 เช่นเดียวกัน ไต้ฝุ่นจังมี (Jangmi) ตามฮากูปี๊ตมาติดๆ แต่ถุูกกดหัวให้ต่ำลง ฝ่าลมหนาวจากทะเลแปซิฟิก พัดผ่านตอนใต้ของฟิลิปปินส์ และ เคลื่อนตัวในแนวเดียว กับพายุโซนร้อนไคตั๊กในวันนี้ -- ก่อนไปสิ้นฤทธิ์ในภาคเหนือของมาเลเซีย.
.