รอยเตอร์ - บริษัทผู้ผลิตเบียร์ที่รวมทั้ง ไทยเบฟเวอร์เรจ แอนเฮาเซอร์-บุช อินเบฟ และคิริน ต่างเตรียมพร้อมที่จะเข้าถือหุ้นในบริษัทผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดของเวียดนามอย่าง ไซ่ง่อนเบียร์ หรือ Sabeco ที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 ธ.ค. นี้
การประมูลหุ้น 54% ของบริษัท Sabeco ถือเป็นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ ที่เปิดทางให้บริษัทผู้ผลิตเบียร์เข้าถึงตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วแห่งนี้ และ Sabeco นั้นถูกมองว่าน่าดึงดูดใจด้วยเป็นสินทรัพย์ที่หาได้ยากในตลาดเบียร์โลกที่มีการควบรวมสูง
แหล่งข่าวรายหนึ่งเผยว่าไทยเบฟฯ ของนายเจริญ ศิริวัฒนภักดี ถือเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมาก ด้วยมีความคุ้นเคยกับระบบของเวียดนามและมองว่า Sabeco เป็นกุญแจสำคัญของการขยายตลาดนอกประเทศ
“พวกเขาอยู่กับสถานการณ์นี้มานานหลายปีและกระตือรือร้นที่จะเข้าครอบครองสินทรัพย์ชิ้นนี้” ผู้ให้ข้อมูลที่ไม่ต้องการเปิดเผยชื่อ กล่าว
เมื่อเดือนก่อน ไทยเบฟฯ เข้าซื้อหุ้น 49% ในบริษัทแห่งหนึ่งของเวียดนาม ที่ผู้คนมองว่าอาจถูกใช้เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เข้าร่วมการประมูล Sabeco ในฐานะผู้ประมูลท้องถิ่น ที่จะทำให้บริษัทได้เปรียบคู่แข่งต่างชาติ
รายงานระบุว่า ไทยเบฟฯ ไม่ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ แต่กล่าวในเดือนต.ค. ว่าบริษัทมีความต้องการที่จะขยายการเติบโตด้วยการเข้าถือครองกิจการในตลาดต่างๆ รวมทั้งในเวียดนาม เช่นบริษัท Vinamilk ที่บริษัทของนายเจริญเข้าถือหุ้น 19%
ส่วนโฆษกของบริษัทแอนเฮาเซอร์-บุช อินเบฟ ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดของโลก ระบุว่าบริษัทมุ่งมั่นที่จะทำตลาดในเวียดนามและขยายการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว ขณะที่โฆษกของบริษัทคิรินจากประเทศญี่ปุ่นระบุว่าบริษัทกำลังพิจารณาทางเลือกของบริษัทอย่างรอบคอบ
ส่วนผู้ร่วมการประมูลรายอื่นๆ นั้น ยังรวมถึงบริษัทอาซาฮี ซานมิเกล และไฮเนเก้น แต่หลายคนกล่าวว่าไฮเนเก้นมีธุรกิจที่แข็งแกร่งในเวียดนามอยู่แล้วและอาจไม่ร่วมการประมูลอันแสนแพงครั้งนี้จนจบ
ไฮเนเก้นที่ถือหุ้นใน Sabeco อยู่ 5% ไม่ได้แสดงความเห็นในเรื่องนี้ ส่วนอาซาฮีก็ยังไม่สามารถติดต่อขอความเห็นได้ แต่ประธานของบริษัทได้กล่าวกับรอยเตอร์เมื่อเดือนก.ย.ว่า บริษัทกำลังศึกษาบริษัท Sabeco ขณะที่ประธานบริษัทซานมิเกล ระบุว่ากลุ่มบริษัทในฟิลิปปินส์สนใจการประมูล Sabeco และคิรินก็ถือหุ้นประมาณครึ่งหนึ่งของบริษัทในเครือซานมิเกล
อย่างไรก็ตาม การถือครองหุ้น Sabeco โดยต่างชาตินั้นถูกจำกัดอยู่ที่ 49% ซึ่งหมายความว่าผู้ประมูลจะสามารถประมูลได้มากที่สุดเพียงแค่ 39% เนื่องจากในบริษัท Sabeco มีต่างชาติถือหุ้นอยู่แล้ว 10%.