เอเอฟพี - กลุ่มช่วยเหลือบรรเทาทุกข์เตือนพม่าว่าพวกเขาจะคว่ำบาตรค่ายพักแห่งใหม่สำหรับผู้อพยพชาวโรฮิงญาที่เดินทางกลับรัฐยะไข่ โดยระบุว่าผู้ลี้ภัยเหล่านั้นต้องได้รับอนุญาตให้ตั้งถิ่นฐานในที่อยู่เดิมของตน
คำแถลงร่วมที่ลงนามโดยองค์กรด้านมนุษยธรรมมากกว่า 10 แห่ง รวมทั้ง Save the Children และ Oxfam ระบุว่า กลุ่มรู้สึกวิตกเกี่ยวกับการประกาศเมื่อไม่นานนี้ที่พม่าจะเริ่มส่งตัวผู้ลี้ภัยโรฮิงญากลับปจากบังกลาเทศใน 2 เดือน
ชนกลุ่มน้อยมุสลิมมากกว่า 620,000 คน ได้หลบหนีไปเมืองคอกซ์บาซาร์ ของบังกลาเทศ ตั้งแต่ปลายเดือนส.ค. เมื่อกองทัพพม่าเริ่มการปราบปรามกบฎชาวโรฮิงญาในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่
หลังการลงนามข้อตกลงส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับประเทศกับพม่าในเดือนพ.ย. บังกลาเทศกล่าวกับผู้ลี้ภัยที่เดินทางกลับ ในเบื้องต้นจะพักอาศัยอยู่ในที่พักชั่วคราวในรัฐยะไข่
การประกาศดังกล่าวสร้างความวิตกว่าผู้ลี้ภัยจะเผชิญกับสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับชาวโรฮิงญามากกว่า 100,000 คน ในพื้นที่ตอนกลางของรัฐยะไข่ ที่ติดอยู่ในค่ายพักแรมสำหรับผู้พลัดถิ่นจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นในปี 2555
“ไม่ควรมีการตั้งค่ายปิดหรือการตั้งถิ่นฐานที่มีลักษณะเหมือนค่าย องค์กรพัฒนาเอกชนระหว่างประเทศ (INGOs) จะไม่ดำเนินการในค่ายเหล่านั้น” กลุ่มช่วยเหลือระบุ และว่าการเดินทางกลับของผู้ลี้ภัยต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ
สหประชาชาติระบุว่าการดำเนินการของกองทัพ ที่ทำให้หมู่บ้านโรฮิงญาหลายร้อยแห่งถูกเผาราบ เทียบได้กับการกวาดล้างชาติพันธุ์และมีองค์ประกอบของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งทางการพม่าปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้
UNHCR ระบุว่าความสงบสุขต้องเกิดขึ้นก่อนที่กระบวนการส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับประเทศจะเริ่มต้น
โรฮิงญาเผชิญกับการเลือกปฏิบัติอย่างรุนแรงในพม่า ด้วยพม่าไม่ยอมรับว่าเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศ และปฏิเสธการให้สิทธิการเป็นพลเมือง ขณะเดียวกันก็จำกัดการเคลื่อนไหวและการเข้าถึงงาน และบริการพื้นฐานต่างๆ.