รอยเตอร์ - กองทัพพม่าได้ปรับเปลี่ยนนายทหารที่รับผิดชอบรัฐยะไข่ หลังการปราบปรามทางทหารส่งผลให้ชาวมุสลิมโรฮิงญามากกว่า 600,000 คน ต้องหลบหนีไปบังกลาเทศ ท่ามกลางรายงานเกี่ยวกับการข่มขืน การทรมาน และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ยังไม่มีการรายงานถึงเหตุผลที่ พล.ต.หม่อง หม่อง โซ ถูกย้ายจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองบัญชาการทหารภาคตะวันตกในรัฐยะไข่ ที่ทหารพม่าเปิดฉากปฏิบัติการปราบปรามการก่อการร้ายในเดือน ส.ค.
“ผมไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถูกย้าย” พล.ต.เอ ละวิน รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการจิตวิทยาและประชาสัมพันธ์ กระทรวงกลาโหม กล่าวต่อรอยเตอร์
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นก่อนที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน จะเดินทางเยือนพม่าในวันพุธ (15) ขณะที่วุฒิสมาชิกในวอชิงตันกำลังผลักดันที่จะผ่านกฎหมายที่กำหนดบทลงโทษทางเศรษฐกิจ และการเดินทางกับทหาร และผลประโยชน์ทางธุรกิจของทหาร
รัฐบาลพม่าถือว่าโรฮิงญาเป็นผู้อพยพผิดกฎหมายจากบังกลาเทศ และผู้นำชาติเอเชียที่กำลังพบหารือกันในกรุงมะนิลา วันนี้ (13) เลี่ยงที่จะกล่าวถึงการอพยพของชาวโรฮิงญา ซึ่งสร้างความผิดหวังให้แก่กลุ่มสิทธิมนุษยชน
การโยกย้าย พล.ต.หม่อง หม่อง โซ มีคำสั่งตั้งแต่วันศุกร์ (10) และพลจัตวาโซ ติน นาย อดีตผู้อำนวยการด้านลอจิสติกส์ ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองบัญชาการทหารภาคตะวันตกคนใหม่
กองบัญชาการทหารภาคตะวันตกอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักปฏิบัติการพิเศษ ที่รายงานไปยังสำนักงานผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย
เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหประชาชาติ ระบุว่า ปฏิบัติการของกองทัพในรัฐยะไข่เป็นตัวอย่างของการกวาดล้างชาติพันธุ์ แต่พม่าระบุว่า ปฏิบัติการกวาดล้างเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความมั่นคงของชาติ หลังกองกำลังติดอาวุธโรฮิงญาโจมตีด่านตำรวจ 30 แห่ง และค่ายทหารในรัฐเมื่อวันที่ 25 ส.ค.