เอเอฟพี - มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 20 คน หลังตำรวจพม่าเปิดฉากยิงกลุ่มม็อบติดอาวุธที่พยายามจะเข้าไปในเหมืองเพื่อขุดหาหยกในเขตพื้นที่ห่างไกลทางภาคเหนือของประเทศ ตามการรายงานของสื่อทางการในวันนี้ (20)
ความรุนแรงครั้งล่าสุดที่เกี่ยวข้องต่ออุตสาหกรรมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ของพม่า ปะทุขึ้นหลังตำรวจเข้าสกัดกลุ่มคนขุดหาเศษหยกประมาณ 50 คน ไม่ให้เข้าไปในเขตพื้นที่อุตสาหกรรมของบริษัท 111 ในเมืองผากัน ของรัฐกะฉิ่น
หนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไลท์ออฟเมียนมาร์ รายงานว่า หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง กลุ่มคนเกือบ 600 ชีวิต กลับมาอีกครั้ง และเข้าโจมตีตำรวจ รวมทั้งเผารถบรรทุก และทำลายรถขุด
“หลังตำรวจถูกทำร้ายด้วยมีด ทำให้ตำรวจเปิดฉากยิงตอบโต้กลับเพื่อขับไล่กลุ่มผู้โจมตี เหตุปะทะที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน และได้รับบาดเจ็บ 20 คน ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 5 นาย” สื่อทางการรายงาน
แต่คนท้องถิ่นในเมืองผากันเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตสูงกว่าที่สื่อรายงาน โดยมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุอย่างน้อย 7 คน และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 3 คน
หยกคุณภาพสูงของโลกส่วนใหญ่มาจากเหมืองในเมืองผากัน และผลผลิตที่ได้ส่วนใหญ่ถูกส่งไปจีนที่มีความต้องการหยกเป็นจำนวนมาก
ในช่วงหลายปีมานี้ คนงานยากจนจากทั่วประเทศหลั่งไหลไปที่เมืองผากัน เพื่อสำรวจค้นหาเศษหยกจากหินก้อนใหญ่ที่หลงเหลือจากการทำเหมือง
การขุดหาเศษหยกเต็มไปด้วยอันตราย ด้วยพื้นที่ดังกล่าวมักเกิดดินถล่มในช่วงฤดูฝน และหนึ่งในเหตุดินถล่มครั้งรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นในปี 2558 ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 คน
และเหตุปะทะของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่พยายามกันคนขุดหาเศษหยกออกไปจากที่ดินของบริษัทมักเกิดขึ้นเป็นปกติ
อ่อง มิน ชาวเมืองผากัน กล่าวว่า บริษัทที่เป็นเจ้าของเหมืองที่เกิดเหตุความรุนแรงครั้งนี้ เป็นที่รู้จักกันดีว่า เป็นบริษัทรายใหญ่ที่สุด และมีอิทธิพลที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรมเหมืองหยก
“คนหาหยกผิดที่เข้าไปในที่ดินของบริษัท แต่การตอบสนองของบริษัทนั้นรุนแรงเกินไป ชาวบ้านมีเพียงเครื่องมือหากิน แต่ตำรวจมีปืน” ชาวเมืองผากัน กล่าว
ขณะที่บริษัทเหมืองทำรายได้อย่างมหาศาลจากการค้า แต่ผลประโยชน์กลับตกถึงชุมชนท้องถิ่นแค่เศษเสี้ยว ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เสียหายจากอุตสาหกรรม.