ผบ.กองทัพพม่าชี้เหตุระเบิดใกล้มัสยิดในยะไข่เป็นฝีมือก่อการร้ายโรฮิงญา

เอเอฟพี - ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพพม่า กล่าวโทษผู้ก่อการร้ายโรฮิงญาจากเหตุระเบิดนอกมัสยิดในรัฐยะไข่ ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่าทหารเริ่มวางเพลิงในพื้นที่เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ลี้ภัยกลับเข้ามา

เหตุความไม่สงบเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังนางอองซานซูจี ผู้นำพม่าประกาศว่ากองกำลังทหารยุติปฏิบัติการกวาดล้างในพื้นที่ชายแดนที่เป็นเหตุให้ผู้ลี้ภัยโรฮิงญามากกว่า 430,000 คน ต้องหลบหนีไปบังกลาเทศในระยะเวลา 1 เดือน

กองทัพอ้างว่า ทหารมีเป้าหมายที่ผู้ก่อการร้ายโรฮิงญาที่โจมตีด่านตำรวจเมื่อวันที่ 25 ส.ค. แต่สหประชาชาติ ระบุว่า ปฏิบัติการของทหารที่เกิดขึ้นนั้นเทียบได้กับการกวาดล้างชาติพันธุ์ชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญา

ในวันนี้ (23) พล.อ.อาวุโส มิน ออง หล่าย โพสต์คำแถลงลงบนเฟซบุ๊กว่า ผู้ก่อการร้ายโรฮิงญาได้วางระเบิดที่บริเวณมัสยิดในเมืองบุติด่อง ทางเหนือของรัฐยะไข่ เมื่อวันศุกร์ (22) และกล่าวหาว่า ผู้ก่อการร้ายพยายามที่จะขับไล่ชาวบ้านประมาณ 700 คน ที่ยังอยู่ในหมู่บ้าน

“เนื่องจากชาวบ้านของเราไม่ต้องการที่จะออกไปจากบ้านของตนเอง ผู้ก่อการร้ายได้จุดระเบิดขึ้นในช่วงละหมาดซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว นี่เป็นการกระทำของกลุ่มก่อการร้าย ARSA” คำแถลงของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ระบุ

ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดดังกล่าว

ด้วยรัฐบาลปิดกั้นการเข้าถึงพื้นที่ขัดแย้ง จึงเป็นเรื่องยากที่จะตรวจสอบการกล่าวอ้าง และการโต้แย้งเกี่ยวกับว่าใครเป็นผู้ก่อเหตุความไม่สงบ ที่ยังทำให้ชาวพุทธ และชาวฮินดูหลายหมื่นคนต้องอพยพหลบหนี

แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชน ระบุว่า มีหลักฐานมากมายว่ากองทัพกำลังใช้การปราบปรามผู้ก่อการร้ายเป็นเครื่องมือในการกำจัดชาวโรฮิงญาออกไปจากพื้นที่.