MGRออนไลน์ -- ทางการกรุงฮานอยกางแผนการขยายขีดความสามารถ ของสนามบินนานาชาติโนยบ่าย (Nội Bài) อีกครั้ง เพื่อรองรับสถานการณ์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งจะต้องไม่ซ้ำรอย กับกรณีสนามบินนครโฮจิมินห์ ที่แออัดคับคั่งมากในปัจจุบัน เนื่องจากการวางแผนล่วงหน้า และ แก้ปัญหาได้ล่าช้าไม่ทัน กับความต้องการใช้งาน ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทรวงขนส่งเวียดนาม และ คณะปกครองของเมืองหลวง ได้ประชุมหารือเกี่ยวกับแผนพัฒนาสนามบินเมื่อไม่กี่วันมานี้
ตามรายงานของสื่อทางการ นายเจือง กวาง เหงีย (Trương Quang Nghĩa) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงขนส่ง ร่วมประชุมปรึกษากับทางการกรุงฮานอยเกี่ยวกับ แผนพัฒนาระยะยาวเพื่อ มิให้สนามบินนานาชาติในเมืองหลวง เจอปัญหาเช่นสนามบินเตินเซินเญิ๊ต (Tân Sơn Nhất) ในโฮจิมินห์ ซึ่งปัจจุบันเป็นปลายทางการสัญจรทางอากาศ ที่แออัดคับคั่งมากที่สุดในประเทศ ทั้งจำนวนผู้โดยสารและปริมาณสินค้า
"รับดำเนินการเสียในตอนนี้ ดีกว่าปล่อยเอาไว้ แล้วตามแก้ไขภายหลัง เช่นสนามบินโฮจิมินห์" นายเหงีย ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม เพื่อนำแผนพัฒนาเฟสต่อไป เสนอขออนุมัติต่อนายกรัฐมนตรี นั่นคือ การขยายอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 (Terminal 2) หลังเปิดใช้ไม่ถึง 3 ปี ในขณะที่อยู่ระหว่างการขยายอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1 ๖ธำพทรืฟส 1) ที่มีกำหนดแล้วเสร็จในปีหน้า
นายเหวียนดึ๊กจุง (Nguyễn Đức Chung) ประธานคณะกรรมการประชาชนกรุงฮานอย กล่าวเช่นกันว่า บทเรียนจากนครโฮจิมินห์ เตือนให้ต้องดำเนินการทุกอย่างล่วงหน้าพอสมควร เนื่องจากความต้องการการเดินทางและการขนส่งทางอากาศ ขยายตัวรวดเร็วมาก ดังจะเห็นได้จากสนามเตินเซินเญิ๊ต ซึ่งปีนี้ จำนวนผู้โดยเพิ่มขึ้นอีกมากมาย เกินความคาดหมาย เป็น 36.5 ล้านคน เทียบกับขีดความสามารถ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับจำนวน 30 ล้านคนเท่านั้น
สำหรับท่าอากาศยานนานาชาติกรุงฮานอย ส่อเค้าว่ทาจะเริ่มแออัดอีกแห่ง การท่าอากาศยานภาคเหนือกำลังขยาย T1 หวังว่าจะเปิดใช้ปี 2561 เพิ่มความสามารถให้รับผู้โดยสารได้อีก 5 ล้านคนต่อปี ขณะเดียวกันก็กำลังวางแผนการขยายอาคาร 2 ในช่วงปีนี้ถึงปี 2563
.
.
เป็นอันว่าปีหน้า สนามบินนานาชาติโนยบ่าย จะรองรับผู้ได้สารได้ 30 ล้านคน เท่ากับสนามบินนครโฮจิมินห์ -- จาก 25 ล้านคนต่อปีในปัจจุบัน
ตัวเลขคาดการณ์บ่งชี้ว่า ปีนี้จะมีผู้โดยสารใช้สนามบินฮานอยประมาณ 23.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16.5% จากปีที่แล้ว แต่ในปี 2561 คือปีหน้า จำนวนจะแซงหน้าขึ้นไป เป็นประมาณ 34.5 ล้านคน และ เป็น 54 ล้านคนในปี 2568 หรือ อีก 8 ปีข้างหน้า และ เป็น 65 ล้านคนในปี 2573 เพราะฉะนั้น แผนการพัฒนาสนามบินฮานอยระยะที่ 2 ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี เมื่อต้นปี 2551 เพื่อให้รับผู้โดยสารได้ 50 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2573 จึงไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
T1 เปิดใช้มาตั้งแต่ปี 2544 ตลอด 16 ปีที่ผ่านมา ผ่านการอัปเกรดมาเป็นระยะในหลายด้าน และ ในปี 2556 มีการขยายให้รับผู้โดยสารเพิ่มจาก 6 เป็น 9 ล้านคน ซึ่งปีนั้น มีผู้โดยสารไปใช้สนามบินเพียง 13 ล้านคน นับเป็นการขยายตัวที่รวดเร็ว และ ในอัตราสูงมาก และ การเปิดใช้ T2 อาคาร 4 ชั้น ในวันสิ้นปี 2557 ทำให้สนามบินโนยบ่าย รับผู้โดยสารรวมกันเพิ่มขึ้นเป็น 25 ล้านต่อปีในทันที
อย่างไรก็ตามคาดว่า ปีนี้จะมีผู้โดยสารเที่ยวบินในประเทศ เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 14 ล้านคน ทำให้ต้องขยาย T1 ให้รับผู้โดยสารถึง 15 ล้านคนต่อปี ทั้งซ่อมแซมทั้งขยายอาคาร ในขณะที่ยังต้องใช้งานต่อไป ท่ามกลางความแออัดในขณะเดียวกัน การก่อสร้างเริ่มขึ้นในเดือน ส.ค.ปีนี้ คาดว่าตจะเปิดใช้ได้ในเดือน ก.ย.ปีหน้า
ประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายลงความเห็นว่า การพัฒนาท่าอากาศยานไม่ควรทำทีละเล็กละน้อย เพราะทำให้สิ้นเปลืองมากขึ้น เนื่องจากมีการเริ่มต้นหลายครั้ง แต่ควรพัฒนาขีดความสามารถล่วงหน้าระยะยาว ให้รับผู้โดยสารได้ 80-100 ล้านคน จะได้ใช้เวลาพัฒนาในด้านอื่นๆในอนาคต กระทรวงขนส่งควรหางบประมาณว่าจ้าง บริษัทที่ปรึกษาให้เริ่มดำเนินการในเรื่องนี้
.
2
3
แต่การขยายสนามบินให้ใหญ่โตขนาดนั้น อาจจะต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้างนับหมื่นล้านดอลลาร์ ในขณะที่รัฐบาลยังจะต้อง จัดสรรงบอีกหลายพันล้าน ขยายสนามบินโฮจิมินห์ในภาคใต้ กับสนามบินแห่งอื่นๆ ที่มีกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ
สนามบินโนยบ่ายอยู่ห่างจากย่านใจกลางเมือง ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 30 กิโลเมตร เมื่อก่อนเป็นพื้นที่ของ จ.หวีงฟุก (Vĩnh Phúc) การขยายเมืองหลวงเมื่อหลายปีก่อน ทำให้สนามบินอยู่ในเขตซ็อกเซิน (Sóc Sơn) ของกรุงฮานอยในปัจจุบัน
อาคารผู้โดยสารแห่งที่ 2 เปิดใช้อย่างเป็นทางการ ในสัปดาห์ต้นเดือน ม.ค.2558 ใช้ 2 รันเวย์ร่วมกับสายการบินในประเทศ มีแท็กซี่เวย์เพียงพออำนวยความสะดวก ให้แก่การเข้าออกลานจอด มีเค้าน์เตอร์เช็คอิน รวม 96 เค้าน์เตอร์ ในระบบแสดงข้อมูลเที่ยวบินรวม 283 จุด มีระบบอำนวยความสะดวกอื่นๆ ครบ ส่วนเทอร์มินัล 1 ใช้สำหรับเที่ยวบินในประเทศ มาตั้งแต่นั้น
การเปิดใช้สะพานเญิตเติน (Nhật Tân) ข้ามแม่น้ำแดง เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2558 พร้อมกับการเปิดใช้ T2 ทำให้การเดินทางระหว่างสนามบิน ตรงเข้าสู่ย่านใจ ผ่านระบบทางด่วนกับถนนยกระดับ รวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น แก้ปัญหาการจราจรติดขัด กับปัญหาผู้โดยสาร "ตกเครื่องบิน" ไอ้อีกเปลาะหนึ่ง
สนามบินโนบ่ายห้อมล้อมด้วยเขตเมืองใหม่ กับศูนย์กลางการลงทุนของต่างชาติ ใน จ.หวีงฟุก บั๊กนีง (Bắc Ninh) และ จ.ถาย งเวียน (Thái Nguyên) นับเป็นเป็นองค์ประกอบที่สมบูรณ์ ในการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของชาติ.
