xs
xsm
sm
md
lg

จับชาวจีนอีกคนขโมยของบนเที่ยวบิน Vietnam Airlines เจอเกือบ 30 กรณีใน 9 เดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#00003>ภาพจากเหตุการณ์ วันที่ 24 พ.ย.2559 นายหวังชิงเจี้ยน (Wang QingJian) ชาวจีนอีกคนหนึ่ง ถูกจับที่ท่าอากาศยานนครด่าหนัง ฐานขโมยทรัพย์สินบนเที่ยวบินเวียดนามแอร์ไลน์ส -- ปีที่แล้วเกือบทั้งปีเกิดขึ้นเพียง 1 กรณี แต่มาเกิดถี่ๆ รวม 14 กรณี ในเดือน พ.ย.เดือนเดียว และ ถี่ขึ้นไปอีกในเดือน เม.ย.ปีนี้ ก่อนจะซาไปพักใหญ่ หลังถูกจับได้ทุกกรณี และ กลับมาอีกแล้วในเดือนนี้ เป็นชาวจีนอีกเช่นเคย. -- Photo Courtesy of Nguoi Lao Dong. </b>

MGRออนไลน์ -- เจ้าหน้าที่เวียดนาม จับกุมผู้โดยสารชาวจีนคนหนึ่ง ได้แบบคาหนังคาเขา ขณะขโมยเงินและทรัพย์สินอื่นๆ ในกระเป๋าสัมภาระของผู้โดยสารอีกคนหนึ่ง ที่เก็บไว้บนชั้นเหนือที่นั่ง บนเที่ยวบินเวียดนามแอร์ไลน์ส เมื่อสองวันที่แล้ว และ ถูกเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานนครโฮจิมินห์ นำตัวลงจากเครื่องในเวลาต่อมา นับเป็นกรณีล่าสุดของบรรดาชาวจีนอย่างน้อย 28 ราย ที่ถูกจับได้ในช่วง 9 เดือนข้ามปีมานี้ในความผิดฐานเดียวกัน

ตามข้อมูลในชั้นต้น นายอู๋เจิงเห่า (Wu Zhenghao) อายุ 36 ปี ผู้โดยสารชาวจีน ถูกเจ้าหน้าที่บนเครื่องบินเข้าควบคุมตัว ขณะเที่ยวบิน VN212 กำลังเตรียมออกเดินทาง มุ่งไปยังกรุงฮานอย ตอนเช้าวันศุกร์ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา จึงได้แจ้งเหตุดังกล่าวนี้ ไปยังศูนย์รักษาความปลอดภัยภาคพื้นดินศูนย์ ซึ่งเวลาต่อมา ได้ส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นไปรับตัวผู้โดยสารหัวขโมยรายนี้ ไปทำการสอบปากคำ

เจ้าหน้าที่ค้นพบเงินสด 60 ล้านด่ง (90,000 บาท) กับอีก 506 ดอลลาร์ (17,900 บาทเศษ) กับ โทรศัพท์มือถือไอโฟน 5 อีก 1 เครื่อง ในตัวของนายอู๋ ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดนี้ ตรงกับข้อมูลที่ผู้เสียหายระบุ

นายอู๋นั่งอยู่ที่นั่ง 37B แต่ในขณะเที่ยวบินเตรียมจะออกเดินทางนั้น ได้ลุกขึ้นยืน ยื่นมือเปิดเอากระเป๋าของผู้เสียหายลงไป และ ค้นเอาทรัพย์สินจำนวนดังกล่าว ก่อนนำกระเป๋าขึ้นเก็บบนชั้นอีกครั้ง ให้ดูเหมือนกับว่าเป็นสัมภาระของตนเอง โดยมีผู้โดยสารคนอื่นๆ หลายคน เห็นเหตุการณ์ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่บริการบนเครื่อง และ กัปตันได้ระงับการเดินทาง เวลาต่อมาศูนย์รักษาความปลอดภัย ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยลงจากเครื่อง

สื่อออนไลน์ภาษาเวียดนาม ได้รายงานอ้างผู้อำนวยการศูนย์รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานเตินเซินเญิ๊ต ที่ระบุว่าได้เกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้บนเที่ยวบินบ่อยครั้ง โดยผู้กระทำผิดทั้งหมดเป็นคนสัญชาติจีน จึงจำเป็นต้องควบคุมตัวชาวจีนรายล่าสุดไว้ เพื่อสอบสวนในรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยสำหรับสาธารณชน

องค์การการบินพลเรือนเวียดนาม ได้ออกประกาศเตือนในเดือน พ.ค.ปีนี้ ให้ผู้ที่ใช่้บริการเที่ยวบินในประเทศ ต้องเพิ่มความระมัดระวัง และ เฝ้าจับตาดูกระเป๋าสัมภาระของตน ในห้องโดยสารบนเที่ยวบินต่างๆ ให้พ้นมือพวกมิจฉาชีพในคราบผู้โดยสารด้วยกัน ที่แอบล้วง แอบงัดแงะ เอาสิ่งของมีค่า การออกเตือนมีขึ้นหลังเกิดเหตุทรัพย์สินของผู้โดยสารสูญหาย 11 กรณี ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ และ ทั้งหมดที่ถูกจับได้ล้วนเป็นชาวต่างชาติ ที่เดินทางในเวียดนามเพื่อโจรกรรมโดยเฉพาะ        

นับตั้งแต่เดือน พ.ค.ปีนี้เป็นต้นมา สื่อของทางการเวียดนามได้รายงานเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้ อีกอย่างน้อย 2 กรณี ครั้งล่าสุดจึงเป็นกรณีที่ 13 ที่มีผู้โดยสารชาวจีนถูกจับกุม ฐานโจรกรรมบนเครื่องบินโดยสารในเวียดนาม

ตามรายงานของคณะกรรมการการบินพลเรือนเวียดนาม ปีที่แล้วเกือบทั้งปี มีรายงานการเกิดกรณีขโมย หรือ งัดแงะกระเป๋าผู้โดยสารบนเที่ยวบินในประเทศเพียง 1 กรณี แต่มาเกิดขึ้นถี่ๆ ในช่วงปลายปี กล่าวคือ เดือน พ.ย.2559 เพียงเดือนเดียว จับได้ถึง 14 กรณี รวมทั้ง 2 กรณีบนเที่ยวบินโดยสารเวียดนมแอร์ไน์ส จากฮ่องกงไปยังนครโฮจิมินห์ กับ นครด่าหนัง ผู้กระทำผิดทั้งหมดเป็นชาวจีน

เพราะฉะนั้นการเกิดถึง 11 กรณีในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. จึงเป็นมูลเหตุเพียงพอ จะต้องออกเตือนผู้ที่เดินทางไปกับเที่ยวบินต่างๆ ซึ่งนายโต๋ ตึ ฮึง (To Tu Hung) รองอธิบดีกรมความปลอดภัยการบิน สำนักงานคณะกรรมการการบินพลเรือนเวียดนาม กล่าวในเวลานั้นว่า ทั้งหมดแสดงให้เห็น "พัฒนาการของอาชญากรรม" ที่เปลี่ยนรูปแบบไป
         
เมื่อปีที่แล้วการงัดแงะขโมยสิ่งของบนเที่ยวบิน ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบนเที่ยวบินระหว่างประเทศ แต่ในช่วงปลายปี มิจฉาชีพได้เริ่มหมายตาสายการบินในประเทศ เงินสดที่ผู้โดยสารเก็บในกระเป๋าเดินทาง เป็นเป้าหมายแรกของคนร้าย ที่มักลงมือปฏิบัติการในช่วงเช้าตรู่ หรือ ช่วงกลางดึก หรือ เวลาที่ผู้โดยสารกำลังหลับไหล
         
นายฮึงกล่าวว่า ด้วยความเชื่อและความเข้าใจที่ว่า ท่าอากาศยานกับบนเครื่องบินโดยสาร เป็นสถานที่ปลอดภัยจากการโจรกรรม จึงทำให้ผู้โดยสารจำนวนมาก ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพโดยง่าย การไม่มีกล้องวงจรปิดตรวจจับ ในห้องโดยสาร ทำให้ยากแก่การจับกุมคนร้าย ในขณะลงมือปฏิบัติการ.
กำลังโหลดความคิดเห็น