xs
xsm
sm
md
lg

ไปดู "หินปะเสิด" อัญมณีลาว .. ดูเป็นบุญตาของขวัญล้ำค่าแห่งแผ่นดินขุดกิน 100 ปีไม่หมด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#00003>ส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ หินปะเสิด ที่บริษัทจากฮ่องกงผลิตออกมา วางจำหน่ายให้แก่นักท่องเทื่ยว และประชาชนทั่วไปในราคาที่ซื้อหาได้ แต่ผลิตภัณฑ์จากหินอ่อนสีสมพู จะเป็นอีกราคาหนึ่งในตลาดต่างประเทศ นี่คืออัญมณีล้ำค่าชนิดหนึ่ง ที่ผู้นำแขวงอัตตะปือ ประกาศการค้นพบเมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งเมื่อรวมกับทองที่มีมากมายมหาศาล ก็อาจจะมีมูลค่าหลายล้านล้าน และ อาจต้องใช้เวลานานนับศตวรรษในการจุดค้น ขึ้นมาใช้ประโยชน์. [ภาพทั้งหมดโดยทางการแขวงอัตตะปือ--ขอขอบคุณ]. </b>

MGRออนไลน์ -- แขวงอัตตะปือได้เผยแพร่ภาพจำนวนหนึ่ง แสดงให้เห็นทรัพยากรอันล้ำค่า ที่เคยมีการแถลงเมื่อต้นปีที่แล้ว ซึ่งรวมทั้งทองคำ หยกอ่อน กับอีกชนิดหนึ่งที่ชาวลาวเรียกว่า "หินปะเสิด" (ประเสริฐ) ที่หายากยิ่ง และ เป็นที่ต้องการของตลาดโลกอย่างสูง รวมทั้งผลผลิตอีกจำนวนหนึ่ง จากอัญมณีเหล่านี้ ซึ่งผู้นำแขวงเคยกล่าวว่า มีมูลค่าหลายล้านล้านบาท และ อาจต้องใช้เวลาถึง 100 ปี ในการขุดค้นขึ้นมาใช้ประโยชน์

ภาพเหล่านี้ยังไม่เคย ได้เผยแพร่ออกสู่วงกว้าง แต่หลายเดือนที่ผ่านมาก็มีชาวลาว นับพันคนเข้าชม ในเว็บไซต์ของทางการแขวง

นายนาม วิยะเกด เลขาพรรคแขวง และ เจ้าแขวง แขวงอัตตะปือ เคยแถลงเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติล้ำค่าเหล่านี้ ระหว่างไปร่วมประชุมใหญ่ครั้งที่ 10 พรรคประชาชนปฏิวัติลาว ในนครเวียงจันทน์ โดยรัฐบาลกับทางการแขวง ยังไม่เปิดให้นักลงทุนใดๆ เข้าลงทุน ทำเหมืองทองกับอัญมณีอีกหลายชนิดที่มีอยู่ ยกเว้นเพียง "หินปะเสิด" หรือ หินอ่อนสีชมพูหายาก ที่บริษัทจีนจากฮ่องกงแห่งหนึ่ง ที่ให้รัฐบาลลาวถือหุ้น 40% ได้รับอนุญาตให้เข้าดำเนินการทำเหมือง นำหินล้ำค่านี้มาใช้ประโยชน์

ตามรายงานของแขวง บริษัทพัฒนาหินปะเสิดลาว-จีน ดังกล่าว ได้เซ็นสัญญาสัมปทานเมื่อปี 2558 ด้วยเงินลงทุนราว 73 ล้านดอลลาร์ โดยฝ่ายจีนเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด แต่ให้หุ้นส่วนแก่รัฐบาลลาว 40% เพื่อขุดค้นในเนื้อที่ 44.68 ตางรางกิโลเมตร ในเขตเมือง (อำเภอ) ภูวง มีอายุการขุดค้น 20 ปี ไม่รวมระยะเวลาสำรวจ 2 ปี ก่อนจัดทำบทวิพากษ์ทางเศรษฐกิจและวิชาการ และ ศึกษาบทวิพากษ์ดังกล่าวอีก 3 ปี และ ก่อสร้างโรงงานอีก 3 ปี รวมทั้งหมด 28 ปี และ ในระหว่างนั้นมีระยะหยุดพักอีก 2 ปี

ภาพที่ถ่ายจากเหมืองหินปะเสิด เดือน ก.พ.ปีนี้ แสดงให้เห็นอุโมงค์ ที่เจาะเข้าไปในภูเขาทั้งลูก กับคนงานและเครื่องจักร ที่กำลังขุดและเจาะ เพื่อนำแท่งหินอ่อนสีชมพูออกมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า บริษัทดังกล่าวได้เริ่มการสำรวจ นำหินอ่อนจำนวนหนึ่งออกมาจากแหล่ง ยังไม่มีรายละเอียดอื่นใดอีก ทั้งเกี่ยวกับกระบวนการ และ ผลผลิตที่ได้ออกมาจนถึงปัจจุบัน

ยังมีภาพจำนวนหนึ่งแสดงให้เห็น ผลิตภัณฑ์จากการแปรรูป "หินปะเสิด" ทั้งรูปสลักพระพุทธรูปที่งดงาม รูปสลักเซียน และ เทพในตำนานของจีน รวมทั้งรูปสลักบุคคลสำคัญ ในประวัติศาสตร์ท้องถิ่นแขวงอัตตะปือ และของชาติลาว อีกด้วย

ภาพยังแสดงให้เห็น พล.ท.จูมมะลี ไซยะสอน อดีตเลขาธิการใหญ่พรรคค และ ประธานประเทศ ที่ไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตหินปะเสิด เดือน เม.ย.ปีนี้ และ อีกครั้งหนึ่ง เป็นการเยี่ยมชมโดยนายสอนไซ สีพันดอน รองนายกรัฐมนตรี ดร.สอนไซ เป็นทั้งกรรมการกรมการเมืองพรรคประชาชนปฏิวัติลาว เป็นบุตรของ พล.อ.คำไต สีพันดอน ผู้เป็นอดีตผู้บัญชาการกองทัพปฏิวัติ อดีตผู้นำพรรคและอดีตประธานประเทศ นายสอนไซเองยังเป็นอดีตเจ้าแขวง แขวงจำปาสัก ที่อยู่ติดแขวงอัตตะปืออีกด้วย
.







ตามข้อมูลของทางการแขวง บริษัทจีน-ลาว ยังต้องจ่ายค่าบริหารจัดการและการติดตามโครงการ ให้แก่รัฐบาลลาวอีก 40,000 ดอลลาร์ต่อปี ประกอบส่วนในการพัฒนาท้อถิ่นเมืองภูวง กับแขวงอัตตะปื อีก 200,000 ดอลลาร์ต่อปี ค่าฝึกอบรมวิชาการให้แก่เจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ ของแขวงอีก 20,000 ดอลลาร์ต่อปี เงินกองทุนอนุรักษ์สภาพแวดล้อมอีก 5,000 ดอลลาร์ต่อปี เงินค่าติดตามตรวจสอบการปฏิบัติสัญญาอีก 30,000 ดอลลาร์ต่อปี และ ยังต้องชำระภาษีกับค่าอากรต่างๆ ตามกฎหมาย

ทางการแขวงยังขอให้บริษัทผู้ลงทุนจัดผลิตภัณฑ์ออกจำหน่าย และ เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมกิจการได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายในแขวง ทีมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ที่สวยงามแบบ "อันซีน" มากมาย
       
อัตตะปือเป็นอีกดินแดนหนึ่งที่รุ่มรวยด้วยทองคำ (หรือ "คำ" ในภาษาลาว) มาแต่โบราณกาล จนเป็นที่มาของวลีที่ว่า "อัตตะปือปึ้งขายคำแลกไก่" ซึ่งมีความหมายว่า ผู้คนที่นั่นใช้ทองคำซื้อไก่ คำกล่าวนี้ยังปรากฎอยู่ในบทกลอนขับลำ ในท้องถิ่นเสมอมาจนถึงวันนี้

แต่ทองในยุคปัจจุบันเคยสร้างปัญหาให้แก่แขวงนี้เป็นอย่างมาก หลายปีก่อนสื่อของทางการเคยรายงาน เกี่ยวกับชาวต่างชาติ (ซึ่งอาจหมายถึงทั้งชาวเวียดนามและชาวกัมพูชา) ที่มีดินแดนติดกัน ลักลอบเข้าไปร่อนทอง ตามลำน้ำลำธาร รวมทั้งจำนวนหนึ่งลักลอบทำเหมืองทองอย่างผิดกฎหมาย ในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกล และ มีสินแร่ทองคำกระจายอยู่

การลักลอบทำเหมืองมีการใช้สารไซยาไนด์ ซึ่งเป็นสารพิษร้ายแรง เมื่อรั่วไหลลงสู่ลำน้ำลำธาร ทำให้สภาพแวดล้อมทางน้ำเป็นพิษ รวมทั้งลำน้ำสายหลักด้วย ซึ่งไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ ราษฎรที่อาศัยตามลำน้ำเซกะหมาน ไม่สามารถใช้น้ำ เพื่ออุปโภคบริโภคได้ ปลากับสัตว์น้ำอีกหลายชนิดตาย ลอยเป็นแพให้เห็น

ข้อมูลของทางการระบุว่า นับตั้งแต่รัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรีทองลุน สีสุลิด ประกาศห้ามการทำเหมืองแบบกระจัดกระจายอย่างเด็ดขาด สภาพน้ำในแม่น้ำสายหลัก ได้กลับคืนมาเป็นปรกติ ภาพถ่ายจำนวนหนึ่งแสดงให้เห็น ราษฎรหาปลาในลำน้ำเซกอง ได้มากมาย เช่นที่เคยเป็นมาในอดีต

อย่างไงก็ตาม ถึงแม้รัฐบาลจะยังไม่เปิดให้นักลงทุนต่างชาติรายได้เข้าสัมปทาน โครงการทำเหมืองทองในแขวงนี้ แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า มีเหมืองทองแห่งหนึ่ง ที่ดำเนินการโดยกองทัพประชาชนลาว ตลอดหลายปีมานี้
.
<br><FONT color=#00003>นายนาม วิยะเกด (กางเกงยีนเสื้อสีน้ำเงินเข้ม) เลขาพรรคแขวง/เจ้าแขวงอัตตะปืด เป็นอดีต รมว.อุตสาหกรรมและการค้า ถูกส่งกลับไปดูแลทรัพย์ในดินอันล้ำค่าในแขวงบ้านเกิด ดร.นาม เป็นบุตรชาย พล.อ.สะหมาน วิยะเกด อดีตประธานสภาพแห่งชาติ และ อดีตผู้นำปฏิวัติระดับสูงคนหนึ่ง.  </font>
<br><FONT color=#00003>ดร.นาม วิยะเกด (ซ้ายมือ) ติดตาม พล.ท.จูมมะลี ไซยะสอน อดีตเลขาธิการใหญ่พรรค และ อดีตประธานประเทด และ ภริยา ไปเยี่ยมชมหินปะเสิดเมื่อต้นปีนี้ อดีตผู้นำสูงสุด ก็เป็นชาวอัตตะปือโดยกำเนิด. </b>


<br><FONT color=#00003>แหล่งหินปะเสิดในเขตเมืองภูวง แขวงอัตตะปือ เป็นภูเขาทั้งลูก เจ้าหน้าที่อธิบาย ขณะ นายสอนไซ สีพันดอน รองนายกรัฐมนตรี ไปเยี่ยมชมเมื่อต้นปีนี้.  </font>

<br><FONT color=#00003>สีเหลืองๆ คล้ำๆ นั่นคือสินแร่ทองคำ ที่ประกอบกันเป็นเนินเขาทั้งเนินที่เห็นอยู่ต่อหน้า ตามข้อมูลของแขวงอัตตะปือ ที่นี่อาจเป็นเขตสัมปทานของกองทัพประชาชน. </b>
ทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของ ทรัพยากรล้ำค่า ที่ ดร.นามประกาศต้นปีที่แล้วว่า พบในเนื้อที่หลายร้อยเฮกตาร์ (หลายพันไร่) รวมปริมาณในเบื้องต้นนี้คาดว่าจะมีประมาณ 7 ล้านตัน โดยอาจจะมีมูลค่ารวมกันกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ (3.6 ล้านล้านบาท) และ อาจต้องใช้เวลาขุดค้นนานนับศตวรรษ จึงจะนำขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด

อัตตะปือได้รับความสนใจ จากนักลงทุนต่างประเทศมาเป็นเวลานาน บริษัทหว่างแองซยาลาย (Hoang Anh Gia Lai) จากเวียดนามเข้าลงทุนทำสวนยาง ในแขวงเนื้อรวมเนื้อที่นับแสนไร่ บริษัทนี้ยังลงทุนสร้างสนามบินอัตตะปือให้แก่รัฐบาลลาว แบบสร้างให้ก่อนผ่อนใชในภายหลัง แต่ในปัจจุบันตลาดยางพารามีปัญหามาก ราคายางตกต่ำ HAGL ได้ประกาสศหันเปลี่ยนเข้าลงทุนปลูกพืชกินผล กับเลี้ยงวัวเนื้อเพื่อส่งออก

เมื่อปีที่แล้วบริษัทจากสิงคโปร์เข้าลงทุน ทำโซลาร์ฟาร์มขนาดใหญ่ ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสดงอาทิตย์ มีขนาดติดตั้ง 45 เมกะวัตต์ นักลงทุนจากจีนและเวียดนาม อีกจำนวนหนึ่ง เสนอโครงการลงทุนด้านการเกษตร ในแขวงนี้เช่นเดียวกัน

ด้วยความรุ่มรวยในทรัพยากรแหล่งน้ำธรรมชาติ อัตตะปือได้กลายเป็นที่ตั้งเขื่อนผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่และขนาดกลางอีกจำนวนหนึ่ง โดยนักลงทุนจากไทย เวียดนาม จีน กับ อีกจำนวนหนึ่งไปไกลจากยุโรป

ที่นี่ยังเคยเป็นแหล่งทำไม้ขนาดใหญ่ ไม้ซุงนับแสนๆ ตัน ถูกส่งข้ามแดนไปยังเวียดนามในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ หลายกรณีเป็นการลักลอบตัดไม้ และ ค้าไม้ข้ามแดนอย่างผิดกฏหมาย ดร.ทองลุน นายกรัฐมนตรีได้ออกคำสั่งเมื่อปีที่แล้ว ห้ามตัดป่า ห้ามส่งออก และ ห้ามเคลื่อนย้ายไม้ซุงที่มีอยู่ทั้งหมด โดยเด็ดขาด เพื่อจัดระเบียบในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งได้ทำให้กิจกรรมค้าไม้ข้ามแดนที่เคยคึกคัก ต้องหยุดสนิท มาจนกระทั่งบัดนี้

ตามรายงานของแผนกแผนการและการลงทุนแขวง ที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ ช่วงสองปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของแขวงอัตตะปือ ขยายตัวต่อเนื่องในระดับ 8% ต่อปี เทียบแผนการ 5 ปีที่ตั้งเป้า GDP เติบโตเฉลี่ย 9.4% และ รายได้ต่อหัวประชากร 16.65 ล้านกีบ หรือ ประมาณ 2,040 ดอลลาร์ แขวงนี้ยังได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่้อง

แต่ "ปัจจุบันเขตดังกล่าวต้องสงวนไว้ก่อน ขณะที่บริษัทจีนและเวียดนาม หลั่งไหลเข้าไปทาบทามและยื่นข้อเสนอ เพื่อขอเป็นส่วนร่วมในการลงทุนภายใต้เงื่อนไขต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์" และ "ในขณะที่ทางการกำลังวางแผนบริหารจัดการเรื่องนี้ เพื่อนำเข้าระบบอย่างถูกต้อง.." สื่อของทางการรายงานอ้างเจ้าแขวง ซึ่งเป็นบุตรชาย พล.ท.สะหมาน วิยาเกด อดีตประธานสภาแห่งชาติ และ เป็นอดีตผู้นำการปฏิวัติสำคัญผู้หนึ่ง.
กำลังโหลดความคิดเห็น