xs
xsm
sm
md
lg

แรดนอเดียวตัวสุดท้ายในป่าเวียดนาม เหลือเพียงโครงกระดูกในตู้ให้ดูต่างหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#00003>เมื่อหลุดมือไปจึงเห็นคุณค่า โครงกระดูกของแรดนอเดียวพันธุ์หายาก ตัวสุดท้ายในผืนป่าเวียดนาม ที่ถูกยิงตายในป่าสงวนแห่งชาติก๊าตเตียน เมื่อปี 2553 ถูกนำไปตั้งแสดงในครอบแก้ว ณ ที่ทำการเขตป่าสงวน ทางด้าน จ.เลิมโด่ง เป็นการตายที่ไม่สูญเปล่า หากกลายเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ ปลุกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสัตว์ป่า ในประเทศนี้. -- Photos Courtesy of  Người Lao Động Online. </b>

MGRออนไลน์ -- แรดนอเดียวที่เป็นสัตว์หายากที่สุด และ เชื่อกันว่าเป็นตัวสุดท้ายในป่าภาคใต้เวียดนาม เหลือเป็นเพียงโครงกระดูกในตู้ เพื่อเตือนคนรุ่นลูกรุ่นหลาน ให้จะต้องช่วยกันปกปักรักษาของขวัญล้ำค่าจากธรรมชาติ ทั้งหลายทั้งปวงบนผืนแผ่นดินแม่ หนังสือพิมพ์ของทางการได้นำ ภาพ "โครงกระดูกในตู้" นี้ออกเผยแพร่ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อย้ำเตือนเรื่องเดิมๆ เพื่อมิให้เกิดซ้ำรอยอีก

เรากำลังพูดแรดพันธุ์ชวา (Javan Rhinoceros) แห่งเวียดนาม หรือ Rhinoceros sondaicus annamiticus หรือ แรดนอเดียว ที่พบเพียงตัวเดียวเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ในเขตป่าสงวนก๊าตเตียน (Vườn Quốc gia Cát Tiên) อันกว้างใหญ่ ที่ครอบคลุม จ.โด่งนาย ที่อยู่ติดกับนครโฮจิมินห์ ทางทิศเหนือ ไปจนถึง จ.เลิมโด่ง ในเขตที่ราบสูง ภาคกลางตอนล่าง

แรดนอเดียวซึ่งเชื่อว่า เป็นตัวสุดท้ายในผืนป่าธรรมชาติ แห่งอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ถูกพรานป่ายิงตายอย่างเป็นปริศนา ในปี 2554 ในเขตป่าสงวนทางด้าน จ.เลิมโด่ง ซึ่งทั่วทั้งสังคมเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนรู้เห็นเป็นใจ

ถึงแม้จะมีหลายคนเชื่อว่า อาจจะยังมีเหลืออยู่อีก 2-3 ตัวในผืนป่าแห่งนี้ก็ตาม แต่ผลการสำรวจศึกษาในช่วงต่อมา กลับไม่พบร่องรอยใดๆ ของแรดที่ว่านั้นเลย ไม่พบทางทั้งรอยเท้า หรือ มูลที่แรดถ่ายเอาไว้ ในอาณาเขตเดียวกันกับแรดตัวที่ถูกสังหาร ผลการศึกษาก่อนหน้านั้นก็ยังพบว่า มูลที่แรดที่พบ ในพื้นที่หลายตารางกิโลเมตร ก็เป็นมูลของแรดตัวเดียวกัน คือ ตัวที่เป็นโครงกระดูกในตู้

หลายคนเคยอธิบายว่า แรดนอเดียวตัวนี้ อาจจะไม่ได้ถูกฆ่าหาย หากสิ้นชีวิตลงด้วยเหตุทางธรรมชาติ

คำอธิบายนี้ขัดความรู้สึกของสาธารณชนทั่วไป จากความจริงที่ว่า แรดนอเดียวเป็นพันธุ์ตัวเล็ก กินง่ายอยู่ง่าย เมื่อโตเต็มที่อาจสูง 1-1.5 เมตร และ อาจจะมีชีวิตรอยู่ได้นาน 40-45 ปี โดยแทบจะไม่มีศัตรูใดๆ ในธรรมชาติ นอกจากมนุษย์ นอกจากนั้นทฤษฎี "ตายด้วยสาเหตุธรรมชาติ" ยังไม่สามารถอธิบายได้ เกี่ยวกับนอของแรด กับอวัยวะอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งที่หายไป ซึ่งทั้งหมดยังไม่เคยมีคำตอบที่ชัดเจน

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เหงือยลาวโดง (Người Lao Động) หรือ "คนงาน" ปัจจุบันโครงกระดูก ที่ถูกนำออกไปจากป่า ถูกนำไปตั้งแสดงในครอบแก้ว ที่พิพิธฑภัณธรรมชาติ ณ สำนักงานป่าสงวนแห่งชาติก๊าตเตียน ทางฝั่ง จ.เลิมโด่ง เปิดให้สาธารณชนเข้าชม โดยไม่เก็บค่าบริการใดๆ ผู้เชี่ยวชาญได้ช่วยกัน เติมต่ออวัยวะที่ขาดหายไป เพื่อให้เป็นโครงกระดูกที่สมบูรณ์ รวมทั้งท่อนล่างของขาหน้าด้านซ้าย ที่หล่อขึ้นใหม่จากวัสดุผสมผสาน กับปูนปาสเตอร์

เวียดนามกำลังเผชิญกับการทำลายสภาพแวดล้อมอย่างรุนแรง การพัฒนาในยุคใหม่ กำลังรุกล้ำเข้าสูผืนป่า รุกเข้าสู่ถิ่นที่อยู่และแหล่งหากินของสัตว์ป่า ที่ไม่ทันตั้งตัว สัตว์ป่าหายากหลากหลายชนิด เสียงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้นทุกวันๆ

ปลายปีที่แล้วเวียดนามได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติขึ้นในกรุงฮานอย โดยร่วมกับ CITES และ องค์การอนุรักษ์สัตว์ป่าและธรรมชาติหลายแห่ง เป็นการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการพิทักษ์แรดล้วนๆ

เดือน เม.ย.ปีนี้ ตำรวจเวียดนาม ได้นำกำลังเข้าจับกุม นายเหวียนเหมิ่วเจี๊ยน (Nguyễn Mậu Chiến) ถึงบ้านพักกรุงฮานอย พร้อมจับยึดนอแรดรวมได้จำนวนมาก รวมน้ำหนักกว่า 33 กิโลกรัม แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงส่วนปลายๆ ของภูเขาน้ำแข็งที่โผล่ให้เห็น ตำรวจต่อต้านการลักลอบค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ยังคงขยายผลการสอบสอนสืบสวนต่อไป

นายเจี๊ยนเป็นผู้มีอันจะกิน ที่เป็นเป้าหมายของตำรวจมานาน ฐานต้องสงสัยเป็นตัวการใหญ่ ของกระบวนการลักลอบค้าชิ้นส่วนสัตว์ป่านานาชนิด ทั้งนอแรด งาช้าง กระดูกกับชิ้นส่วนของเสือ รวมเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ ในช่วงหลายปีมานี้ ยังมีผู้ต้องสงสัยเป็นผู้ร่วมทีมขาใหญ่ ถูกจับกุมอีก 2 คน ที่บ้านพักในในย่านตัวเมืองเก่า เขตฮว่านเกี๊ยม กรุงฮานอย วงในเชื่อกันว่า คนกลุ่มนี้อยู่เบื้องหลังการตามล่าแรดนอเดียวตัวสุดท้าย ในป่าภาคใต้อีกด้วย

โครงกระดูกแรดตัวสุดท้าย มีอิทธิพลอย่างยิ่ง ส่งผลต่อจิตใจและสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนจำนวนมาก รวมทั้งเป็นแรงผลักดัน ให้รัฐบาลคอมมิวนิสต์หันมาร่วมกับชาวโลก อนุรักษ์สัตว์ป่าล้ำค่าที่เหลืออยู่ ให้คงอยู่กับธรรมในชาติต่อไป

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ เมื่อเดือนที่แล้วรัฐบาลเวียดนามได้สั่งให้ยุติ โครงการพัฒนาคาบสมุทรเล็กๆ แห่งหนึ่งในอ่าวด่าหนัง นครด่าหนัง ทางภาคกลางของประเทศ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ต้องล้มเลิกไป เนื่องจากรุกขึ้นไปถึงเชิงเขา อันเป็นถิ่นที่อยู่ของค่าง 5 สี ฝูงสุดท้าย

ในเวียดนามยังมีสัตว์ป่าหายากอีกหลากหลายชนิด ที่กำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้นทุกวันๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ซาวลา (Saola) สัตว์ป่าตระกูลวัวป่า ที่มีอยู่เฉพาะในเขตเชา บริเวณรอยต่อชายแดนเวียดนาม-ลาวเท่านั้น คอมมิวนิสต์เวียดนามร่วมมืออย่างแข็งขัน กับประชาคมระหว่างประเทศ เพื่ออนุรักษ์กระต่ายป่าลายทางพันธุ์อันนัม วัวกระทิง รวมทั้งเสือโคร่งพันธุ์อินโดจีน ที่ประชากรในป่าธรรมชาติเหลืออยู่เพียงไม่กี่สิบตัว.
.

2

3

4
กำลังโหลดความคิดเห็น