xs
xsm
sm
md
lg

Gripen E ใหญ่ขึ้น ยาวกว่าเดิม ไปไกลขึ้น อาวุธเพียบ.. ย้อนไปดูคลิปเวอร์ชั่นเต็มขึ้นบินครั้งแรก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#00003>หมายเลข 39-8 ... เครื่องบินทดสอบ JAS39 ลำที่ 8  กริพเพน E ขึ้นฟ้า 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นการเปิดศักราชใหม่ ของ Saab กับ Gripen แห่งสวีเดน เพิ่งจะเกิดแต่ก็มีลูกค้ารอส่งมอบอยู่กว่า 100 ลำ กองทัพอากาศสวีเดน 60 ลำ สวิตเซอร์แลนด์ 22 บราซิลอีก 28 ล็อตใหม่ของกองทัพอากาศไทย 6 ลำ คงจะเป็น Gripen E ของแท้แน่นอน -- เป็นยุคทองของ JAS39 อย่างแท้จริง. </b>

MGRออนไลน์ -- กลุ่มซาบแห่งสวีเดนได้เผยแพร่คลิปเวอร์ชั่นเต็ม ให้เห็นการขึ้นบินเป็นครั้งแรกของเครื่องบินรบ Gripen E หรือ ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดในครอบครัว JAS39 หลังจากล่าช้ามานาน การขึ้นบินครั้งแรกก็ประสบความสำเร็จอย่างดี ซึ่งอาจจะช่วยเปลี่ยนรูปโฉม ทางด้านการตลาดของเครื่องบินรบรุ่นเล็กอเนกประสงค์ ที่มีสมรรถนะดีเยี่ยม ราคาต่อหน่วยต่ำกว่า และ ค่าใช้จ่ายต่อการขึ้นบินแต่ละเที่ยว รวมทั้งค่าดูแลรักษาต่ำกว่าอีกด้วย

การพัฒนา Gripen E ล่าช้า ทำให้ซาบสูญเสียโอกาสทางการตลาด มูลค่านับหมื่นล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ โอกาสในการจำหน่าย ให้แก่กลุ่มชาติสมาชิกนาโต้ในยุโรป ที่ส่วนใหญ่หันไปหาเครื่องบินรบของสหรัฐในที่สุด รวมทั้ง F-35 เครื่องรบยุคที่ 5 "สเตลธ์" ที่ได้ชื่อเป็นเครื่องบินรบ ก้าวหน้าที่สุด ทันสมัยที่สุด เพียงรุ่นเดียวในขณะนี้ นับตั้งแต่สหรัฐผลิต F-22 แร็พเตอร์ (Raptor) ออกมา

โอกาสนั้นอาจจะรวมทั้งตลาดในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ไทยที่เป็นลูกค้ารายแรกในย่านนี้ โดยกองทัพอากาศไทยมีกริพเพนประจำการอยู่จำนวน 12 ลำ หลังวันเด็กแห่งชาติปีนี้ ยังเหลืออยู่เพียง 11 เป็น C ที่นั่งเดี่ยว 7 ลำ และ D แบบสองที่นั่ง 4 ลำ ทั้งนี้เมื่อปี 2556 ไทยได้แสดงเจตจำนงค์ ที่จัดหาอีก 4 ลำ ซึ่งคราวนี้อาจจะเป็นกริพเพน E รุ่นล่าสุด

กริพเพน E ขึ้นบินวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยนักบินทดสอบของกลุ่มซาบ บินขึ้นจากสนามบินลินเชอปิง (Linköping) ในเขตเอิสเตอร์เยิตลันด์ (Östergötland) และ ในการบินเที่ยวปฐมฤกษ์เป็นเวลา 40 นาที กริพเพน E ได้สาธิตการใช้อุปกรณ์หลายรายการ รวมทั้งอุปกรณ์ลงจอด หรือ Landing Gear ทั้งนี้เป็นรายงานเว็บไซต์ของกลุ่มซาบ

"การบินเป็นไปตามที่คาดหมายเอาไว้ เครื่องบินปฏิบัติการได้ ดังเช่นประสบการณ์ที่ได้จากอุปกรณ์สิมิวเลเตอร์ (simulator) ของเรา ประสิทธิภาพการเร่งความเร็ว น่าประทับใจ เป็นไปอย่างง่ายดาย" มาร์คุส วันด์ (Marcus Wandt) นักบินคนแรกของกริพเพ่น E ให้สัมภาษณ์ หลังจากลงจอดได้ไม่นาน และ ผู้บริหารของซาบหลายคน ได้ผลัดกันออกชื่นชมผลงานของบริษัทหลังจากนั้น

อย่างไรก็ตาม ซาบยังจะทำการทดสอบกริพเพน E ต่อไปตามแผนการ ที่จะนำไปสู่การส่งมอบล็อตแรกให้แก่ กองทัพอากาศสวีเดน กับกองทัพอากาศบราซิลลูกค้ารายใหญ่สองรายแรก ในปี 2562 ผู้บริหารของซาบคนหนึ่งกล่าว

นับตั้งแต่ JAS39 ลำแรกขึ้นบินในเดือน ธ.ค.2531 และ ทะยอยบรรจุเข้ากองทัพอากาศสวีเดน ตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันผลิตออกมาแล้วอย่างน้อย 247 ลำ รวมทั้งกริพเพน C และ D ในวันนี้ ซึ่งมีใช้อยู่ในหลายประเทศ การขึ้นบินเมื่อวันที่ 15 นี้ นับเป็นการก้าวสู่อีกยุคหนึ่งของซาบ หลังจากแนะนำโครงการกริพเพน E ย่างเป็นทางการเดือน พ.ค.2559 หรือ เพียง 1 ปีก่อนหน้านี้
.

.
กริพเพน E พัฒนาจากโครงการที่เรียกว่า Gripen NG หรือ "เครื่องบินรบสำหรับยุคหน้า" (Next Generation) เมื่อก่อน ซึ่งบางฝ่ายเรียกว่า "ซูเปอร์กริพเพน" แทนที่จะเป็นเพียง "กริพเพนรุ่น E" และ และ "กริพเพ่นรุ่น F" ธรรมดาๆ ต่อจาก กริพเพน A, B และ C, D ที่ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นลำดับ ตลอดกว่า 3 ทศวรรษในขณะนี้

ลำต่อไปก็จะเป็น Gripen F หรือ เวอร์ชั่น 2 ที่นั่งของ Gripen E เช่นเดียวกันกับ D และ C ในปัจจุบัน

หากเทียบกับเครื่องบินรบที่ผลิตในยุโรปทั่วไป สามารถพูดได้กว่า JAS39 C และ D ประสบความสำเร็จอย่างดี ในทางการตลาด และ กำลังสร้างเครือข่ายการจัดจำหน่ายอย่างกว้างขวาง ทั้งในย่านอเมริกากลาง อเมริกาใต้ ในแอฟริกา รวมทั้งในเอเชียด้วย โดยอาวุธยุทโธปกรณ์ จะต้องพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ ซาบกล่าวว่า กริพเพน E พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทก์ภัยข่มขู่คุกคาม ที่พัฒนาไปตามยุคสมัย กับ ความเรียกร้องต้องการของกองทัพอากาศชาติต่างๆ

สวีเดนไม่ได้เป็นสมาชิกของนาโต้ แต่ได้ปรับแต่ง JAS39 ให้เข้ากับมาตรฐานของนาโต้ทุกระบบ ทุกประการ อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน หรือในยุโรปตะวันตกทั้งหมด อาวุธสหรัฐ รวมทั้งที่ผลิตโดยอิสราเอล และ ตุรกี สามารถใช้กับกริพเพนได้ทั้งหมดโดยพื้นฐาน

กลุ่มซาบเอง ก็พัฒนาและผลิตอาวุธออกมาหลายประเภท สำหรับ JAS39 ทั้งอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ พิสัยไกล ปฏิบัติการหลังเส้นขอบฟ้า และ พิสัยใกล้ อาวุธปล่อยฯ อากาศสู่พื้น รวมทั้งอาวุธพวก ปล่อยหรือยิงจากอากาศ ลงสู่พื้นอื่นๆ เช่น "สมาร์ทบอมบ์" กับระเบิดความแม่นยำสูงทั้งหลาย นอกจากนั้นผู้บริหารของซาบ ยังเปิดเผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า ปัจจุบันกำลังพัฒนาอาวุธปล่อยนำวิถียิงเรือ เพื่อใช้กับกริพเพนอีกด้วย
.
<br><FONT color=#00003>มาร์คุส วันด์ (Marcus Wandt) นักบินคนแรกของ Gripen E ยกหัวแม่โป้ง ให้ไอ้ตัวเล็กพริกขี้หนู ซึ่งความจริงแล้วลำตัวยาวขึ้น ปีกกว้างขึ้น มีจุดติดตั้งอาวุธมากขึ้น เครื่องยนต์รุ่นใหม่ให้แรงบิดสูงขึ้นอีก 20% โดยมีทีเด็ด คือ ทำให้กริพเพน E บินเร็วเหนือเสียงในเพดานบินต่ำได้ โดยไม่ต้องใช้สันดาปท้ายเครื่อง ประหยัดเชื้อเพลิงมหาศาล.</b>
2
ตามข้อมูลในเว็บไซต์กลุ่มซาบ การประกอบกริพเพน E ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2556 นอกจากหน้าตา ที่ยังละม้ายคล้ายกับ JAS39 C รุ่นพี่แล้ว เรื่องอื่นจะต่างกันเกือทั้งหมด รวมทั้งลำตัวที่ยาวขึ้น กว้างขึ้น ถังบรรจุเชื้อเพลิงได้มากขึ้นราว 20% จึงไปได้ไกลกว่าเดิม เครื่องยนต์รุ่นใหม่ ที่ให้แรงบิดสูงกว่าในรุ่นปัจจุบัน 20% ประหยัดเชื้อเพลิงดีกว่า บรรทุกได้มากขึ้น ติดอาวุธได้มากขึ้น มีจุดติดตั้ง (Hard Points) ใต้ปีกสองข้าง เพิ่มขึ้นอีก 2 รวม เป็น 8 จุด รวมกับใต้ท้องอีก 2 เป็นทั้งหมด 10 จุด

เครื่องยนต์ F414G ของเจเนอรัลอิเล็กทริก ที่ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ Gripen E ทำความเร็วสูงสุดได้ถึงมัค 2 (2,204 กม./ชม.) ในเพดานบินสูง ขณะบรรทุกอาวุธยุทโธปกรณ์เต็มพิกัด ซึ่งเป็นความเร็วเท่าๆ กับ Gripen C ปัจจุบัน แต่ต่างกันที่แรงบิด ที่ได้มากขึ้น ทำให้ Gripen E บินความเร็วระดับซูเปอร์โซนิก (ราวมัค 1.1 หรือ 1,400 กม./ชม.) ในเพดานบินต่ำได้ โดยไม่ต้องเปิดสันดาปท้ายเครื่อง (Afterburner) จึงประหยัดเชื้อเพลิงได้มหาศาล และ ปฏิบัติการได้ยาวนานขึ้น

เครื่องยนต์ที่ให้แรงบิดสูงขึ้น ช่วยเพิ่มความสามารถรับน้ำหนักขณะขึ้นบิน เป็น 16,500 กิโลกรัม หรือ 16.5 ตัน เทียบกับ 14,000 กก. ในกริพเพน C

นอกจากนั้น Gripen E ยังติดตั้งระบบเรดาร์ใหม่ เป็นแบบแอ็กทีฟสแกน (Active Electronically Scanned Array หรือ AESA) รวมทั้งระบบเอวิโอนิกส์ใหม่ ห้องนักบินติดอุปกรณ์ควบคุมใหม่ล่าสุด เกือบทุกรายการสั่งจากมือบนคันโยก รวมทั้งจอแสดงผลแบบ 3 มิติจำนวนหนึ่ง และ ยังติดตั้งระบบเตือนนักบิน แต่เนิ่นๆ เมื่อข้าศึกยิงโจมตีด้วยอาวุธนำวิถี ฯลฯ

หากนำกริพเพน C จอดขนานกันกับ กริพเพน E ข้อแตกต่างทางกายภาพ ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ลำตัวรุ่น E ยาวกว่า C อยู่เมตรเศษ คือ 15.2 เมตร เทียบกับ 14.1 เมตร ปีกสองข้างยาวกว่าเล็กน้อยคือ 8.60 กับ 8.40 เมตร การที่สามารถเพิ่มจุดติดตั้งอาวุธใต้ปีกได้มากขึ้น อีกข้่างละ 1 จุดนั้น เกิดจากการเลื่อน Landing Gear ให้ห่างจากลำตัวออกไปอีกเล็กน้อย
.


.
ยังมีรายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆ อีกจำนวนมาย ที่เปิดให้ผู้สนใจได้อ่าน และ ศึกษาต่อไป พร้อมๆ กับการพัฒนา Gripen E รวมทั้ง Gripen F รุ่นสองที่นั่ง ที่จะติดตามออกมา และ ลูกค้าต่างรอคอยด้วยความอยากจะเห็น

ในเดือน ก.พ. และ มี.ค.2555 รัฐบาลสวีเดน เซ็นสัญญากับกลุ่มซาบ จัดหากริพเพน C และ D เพิ่มเติมสำหรับกองทัพอากาศ รวมมูลค่า 4,700 ล้านดอลลาร์ โดยพ่วงท้ายสัญญาเอาไว้ว่า จะต้องเปลี่ยนจาก C จำนวน 60 ลำ ให้เป็น E ทั้งหมด หากรุ่นล่าสุด ผลิตออกมาทันกำหนดเวลาส่งมอบ ระหว่างปี 2562-2569 การขึ้นบินครั้งแรกสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้ทุกอย่างกำลังดำเนินไปตามนั้น

ซาบยังจะต้องส่งมอบกริพเพนรุ่นล่าสุด ให้สวิตเซอร์แลนด์อีก 22 ลำ ระหว่างปี 2561-2021 ตามสัญญาจัดหาเมื่อปี 2556 นั่นคือ เริ่มในปีหน้านี้ (ซึ่งอาจจะไม่ทัน)

ซาบได้สูญโอกาสที่จะได้ขายล็อตใหญ่ให้แก่นอร์เวย์ กับเนเธอร์แลนด์ ซึ่งในที่สุดก็รอคอยต่อไปไม่ได้ จึงเลือก F-35 "ไล้ท์นิ่ง 2" (Lightning II) เครื่องบินรบยุคที่ 5 ที่ราคาแพงมหาศาล รวมทั้งในท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐด้วย

ก่อนหน้านั้นได้เสียโอกาสในฟินแลนด์มาแล้ว เพราะรอไม่ได้อีกเช่นกัน ทำให้ต้องตัดสินใจเลือก F/A-18 ซูเปอร์ฮอร์เน็ต (Super Hornet) จากสหรัฐ ไม่ต่างกับ กลุ่มประเทศบริวารสหภาพโซเวียตเมื่อก่อน ซึ่งเข้าเป็นสมาชิกนาโต้ ล้วนแสดงความสนใจ Gripen ทั้งสิ้น เพื่อจัดหาบรรจุแทนเครื่องบินรบยุคโซเวียต ไม่ว่าจะเป็นมิก-26 มิก-31 กระทั่ง มิก-21 แต่ทั้งหมด ดูจะอดรนทนรอคอย Gripen E ไม่ไหว
.
<br><FONT color=#00003>Gripen C ทัพฟ้าไทย อยู่บนแผ่นปฏิทินของซาบ ประจำเดือน มิ.ย.นี้ ชื่อเสียงขจรไปไกล ตอนนี้เหลืออยู่ 11 สำหรับล็อตต่อไปอีก 6 ลำ คงหนีไม่พ้นต้องเป็น Gripen E ร่วมยุคใหม่กับคนอื่นเขา. </b>
3
นอกจากนั้นซาบยังมีลูกค้ารายใหญ่อีก 1 รายคือ บราซิล ซึ่งในเดือน ต.ค.2557 ได้เซ็นสัญญาจัดหามูลค่า 5,440 ล้านดอลลาร์ เป็น Gripen E จำนวน 28 ลำ Gripen F อีก 8 กำหนดส่งมอบปี 2562-2567 ภายใต้ข้อตกลงพิเศษคือ เครื่องบิน 15 ลำ ต้องประกอบในประเทศ โดยให้กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานของรัฐบาล สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่ และ ในระหว่างที่ยังไม่สามาถส่งมอบกริพเพนรุ่นใหม่ได้ บราซิลจะเช่ากริพเพน C ใช้ชั่วคราว

การตัดสินใจของบราซิลมีขึ้น ในช่วงที่ทั่วโลกกำลังวิตกกังวล ต่อข่าวสหรัฐปฏิบัติการสอดแนมกิจกรรมของประเทศต่างๆ นอกจากนั้นองค์ประกอบสำคัญของการตัดสินใจเห็นจะเป็น การที่รัฐบาลสวีเดนเสนอให้เงินกู้ระยะยาว 25 ปี ดอกเบี้ย 2.19% สำหรับการซื้อขายกริพเพนล็อตใหญ่นี้

สวีเดนเองก็มองเห็นประโยชน์ในระยะยาวนานข้างหน้า กองทัพอากาศบราซิลได้ประกาศความตั้งใจจัดหา กริพเพนรุ่นต่างๆ เป็นจำนวนทั้งหมด 108 ลำ นอกจากนั้นกองทัพเรือ ซึ่งมีเรือบรรทุกเครื่องบิน 1 ลำ ยังแสดงความสนใจ โครงการผลิต Sea Gripen (กริพเพนทะเล) หรือ Gripen M เพื่อบรรจุแทน A-AKU "สกายฮอว์ก" (Skyhawk) เครื่องบินเก่า ที่ใช้มาแต่ครั้งหลังสงครามเวียดนามยุติลงใหม่ๆ จึงนำมาสู่แผนการร่วมผลิตกริพเพนในบราซิลในที่สุด

ยังมีอีกหลายประเทศ ทั้งในละตินอเมริกา แอฟริกา รวมทั้งในเอเชียที่เป็น "ลูกค้าที่มีศักยภาพสูง" ไม่ว่าจะซื้อผ่านบราซิล หรือ ซื้อจากสวีเดนก็ตาม และ นอกจากกองทัพอากาศไทย ที่ช่วยประเดิมให้กริพเพนเป็นรายแรกแล้ว ในกลุ่มอาเซียนก็ยังมี ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย รวมทั้งเวียดนาม ซึ่งแสดงความสนใจเครื่องบินรบของสวีเดนเช่นกัน

สื่อในฟิลิปปินส์รายงานเมื่อปลายปีที่แล้วว่า กลุ่มซาบเสนอแพ็กเกจใหญ่ให้กองทัพประเทศนี้ โดยจะจัดตั้งสถานีสื่อสารทันสมัย และ จัดตั้งระบบเชื่อมต่อข้อมูล ระหว่างกริพเพน กับเครื่องบินรบ และ เรือรบต่างๆ ของกองทัพ ให้มีขีดความสามารถสูงขึ้น แบบเดียวกับที่ซาบจัดตั้งให้แก่กองทัพไทย.
กำลังโหลดความคิดเห็น