รอยเตอร์ - เกิดเหตุฝุ่นระเบิดที่โรงงานเหล็กฟอร์โมซาของไต้หวันในเวียดนามเมื่อค่ำวันอังคาร (30) หลังโรงงานเริ่มเดินเครื่องทดสอบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อมครั้งเลวร้ายที่สุดของประเทศเมื่อปีก่อน
การระเบิดมีสาเหตุจากการเผาไหม้ของฝุ่นละเอียดในอากาศซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานผิดปกติของอุปกรณ์ ตามการเปิดเผยของรองประธานบริหารบริษัทฟอร์โมซา ห่าติ๋ง สตีล
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่าจะก่อให้เกิดความวิตกกังวลรอบใหม่เกี่ยวกับความปลอดภัยของโรงงานเหล็กมูลค่า 11,000 ดอลลาร์แห่งนี้ แม้ผู้บริหารของบริษัทจะกล่าวว่า ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต และเหตุที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อการเตรียมการสำหรับการเริ่มดำเนินการผลิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“อุปกรณ์ที่รวบรวมฝุ่นของเราได้รับผลกระทบจากการระเบิด เราได้ตัดกระแสไฟทันทีเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย เรากำลังพยายามหาสาเหตุของเหตุการณ์นี้ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีเพลิงไหม้ ความเสียหาย หรือผู้ได้รับบาดเจ็บ การทดสอบระบบยังคงดำเนินต่อไป” รองประธานบริหารบริษัท กล่าวต่อรอยเตอร์ผ่านทางโทรศัพท์
ด้านคณะกรรมการประชาชนจังหวัดห่าติ๋ง ยืนยันว่า การระเบิดที่เกิดขึ้นจากฝุ่นหินปูน ได้ก่อความเสียหายทางกายภาพบางส่วน แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
โรงงานฟอร์โมซา ห่าติ๋ง สตีล ปล่อยของเสียปนเปื้อนสารพิษจนทำให้แนวชายฝั่งทะเลของเวียดนามปนเปื้อนเป็นความยาวกว่า 200 กิโลเมตร ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล และเศรษฐกิจในท้องถิ่นที่พึ่งพาการทำประมง และการท่องเที่ยว โรงงานแห่งนี้เริ่มเดินเครื่องอีกครั้งในวันจันทร์ (29) หลังระงับการทำงานจากเหตุภัยพิบัติดังกล่าว
ฟอร์โมซา จ่ายเงินชดเชย 500 ล้านดอลลาร์ ให้แก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบ และในเดือน มี.ค. ได้ระบุว่าจะกระตุ้นการลงทุนราว 350 ล้านดอลลาร์ในโครงการ ท่ามกลางความไม่พอใจของประชาชนที่ประท้วงต่อต้านบริษัท และการจัดการของรัฐบาลต่อเหตุสารพิษรั่วไหล
การลงทุนครั้งใหม่จะนำไปใช้ปรับปรุงมาตรการด้านความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม ที่รวมทั้งการเปลี่ยนระบบการผลิตเป็นระบบแห้ง
เลขาธิการพรรคประจำจังหวัดห่าติ๋ง ได้ร้องขอให้บริษัทฟอร์โมซา แจ้งเจ้าหน้าที่ถึงสาเหตุของการระเบิดภายใน 7 วัน ซึ่งฟอร์โมซา ได้ยืนยันว่า จะแก้ไขปัญหา และตรวจสอบอุปกรณ์เพื่อรับประกันความปลอดภัยของการดำเนินการทดสอบภายใน 15 วัน ตามคำแถลงของจังหวัดห่าติ๋ง
โรงงานเหล็กแห่งนี้เริ่มทดสอบการดำเนินการเมื่อวันจันทร์ (29) หลังได้รับอนุญาตดำเนินการทดสอบระบบจากรัฐบาลเวียดนาม โดยบริษัทคาดหวังว่า จะสามารถเริ่มต้นการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้.