MGRออนไลน์ -- หลังจากทดลองเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้ามา 3 เดือน ทางการลาวได้ทำพิธีเปิดใช้อย่างเป็นทางการ เขื่อนขนาดเล็กอีกแห่งหนึ่ง ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศเมื่อไม่นานมานี้ เป็นการประกอบส่วนเข้า ในแผนการที่เรียกว่า "ยุทธศาสตร์ปี 2020" ของรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว ที่ทั่วประเทศจะมีโรงไฟฟ้ารวมกันจำนวน 90 แห่ง ซึ่งเกือบทั้งหมด จะเป็นไฟฟ้าพลังน้ำ หรือ เขื่อนผลิตไฟฟ้า
พิธีการเปิดใช้เขื่อนน้ำเปิน 2 จัดขึ้นปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ณ บริเวณที่ตั้ง ซึ่งอยู่ในเขตหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ของเมืองหัว แขวงหัวพัน อันเป็นดินแดนที่เคยลี้ลับและอยู่ไกลโพ้น โดยนายวันไซ แพงซุมมา เจ้าแขวงแขวงหัวพัน กับนายทองพัด อินทะวง รองรัฐมนตรีกระทรวงลังงานและเหมืองแร่ เป็นเกียรติเข้าร่วมในพิธี
เขื่อนน้ำเปิน 2 เป็นเพียงเขื่อนแบบฝายน้ำล้น โครงการเล็กๆ มีกำลังติดตั้งเพียง 12 เมกะวัตต์ ดูจะไม่มีสาระสำคัญอะไรมากมายนัก หากเทียบกับการเปิดใช้เขื่อนแห่งอื่นๆ ที่ผ่านมา แต่ถ้าหากนับเฉพาะในกลุ่ม ที่มีกำลังติดตั้งต่ำกว่า 15 เมกะวัตต์ด้วยกัน ที่เปิดใช้งานแล้วทั้งหมด 15 โครงการในขณะนี้ น้ำเปิน 2 ก็จะมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสาม ถัดจากเขื่อนเซน้ำน้อย 1 (14.8 เมกะวัตต์) ในแขวงจำปาสัก ที่เปิดใช้เมื่อปี 2556 กับเขื่อนน้ำสะนา (14 เมกะวัตต์) เมืองวังเวียง แขวงเวียงจันทน์ เดินเครื่องเมื่อ่ปี 2557
แต่ถ้าหากมองในเชิงยุทธศาสตร์การพัฒนาพลังงาน ทุกแห่งล้วนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำเปิน 2 เป็นโครงลงทุน 26.5 ล้านดอลลาร์ และ ลงทุน 100% โดยบริษัทเอกชนลาว กลายเป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าแห่งที่ 38 หรือ 39 ที่ปั่นไฟอยู่ในขณะนี้
เขื่อนน้ำเปิน 2 ประกอบด้วยเครื่องปั่นไฟ 2 หน่วยๆ ละ 6 เมกะวัตต์ ผลิตไฟฟ้าได้ 58 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี เริ่มสำรวจโครงการเมื่อปี 2555 ใช้เวลาก่อสร้างเกือบ 3 ปี กระทั่งแล้วเสร็จเมื่อต้นปีนี้ เริ่มทดลองผลิตไฟฟ้าตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา และ ผลิตไฟเข้าระบบของการไฟฟ้าลาวในเดือน เม.ย. จนกระทั่งทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 หนังสือพิมพ์ "ประชาชน" รายงาน
ไฟฟ้าที่ผลิตได้จากเขื่อนน้ำเปิน 2 จะใช้ภายในประเทศทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะสนองความต้องการไฟฟ้าในท้องถิ่น ทำให้ระบบการจ่ายไฟในแขวงหัวพันมีเสถียรภาพดีขึ้น ป้องกันไฟตกและไฟดับ
.
2
น่าสนใจยิ่งขึ้นเมื่อหนังสือพิมพ์ ที่เป็นเสียงของศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว รายงานว่า เขื่อนแห่งนี้มีอายุสัมปทานถึง 50 ปี ซึ่งต่างไปจากโครงการผลิตไฟฟ้าแห่งอื่นๆ ที่ทราบกันทัวไปว่า ส่วนใหญ่อายุสัมปทาน 25-30 ปีเท่านั้น หนังสือพิมพ์ของพรรคไม่ได้ให้รายละเอียดว่า เหตุใดเขื่อนเล็กๆ แห่งนี้ จึงได้รับอนุญาตให้สัมปทาน ยาวนานกว่าโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าแห่งอื่น รวมทั้งเขื่อนใหญ่น้อย โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล รวมทั้งสิ้น 41 โครงการ ที่เปิดใช้การแล้วในขณะนี้
ตามตัวเลขที่เผยแพร่ในเดือน ก.พ.ปีนี้ ในปัจจุบันกระทรวงลังงานและเหมืองแร่ โดยรัฐวิสาหหกิจไฟฟ้าลาว กำลังเร่งพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้า รวมทั้งสิ้น 48 โครงการ ตามแผนการจนถึงปี 2020 (ที่จะสิ้นสุดลงในอีก 3 ปีข้างหน้า)
แผนการดังกล่าวจะทำให้ ทั่วประเทศมีเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำรวมทั้งสิ้น 43 เขื่อน โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากถ่านหิน 3 แห่ง โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม 2 โครงการ จนถึงปีดังกล่าวจะทำให้ลาว มีแหล่งผลิตไฟฟ้า ทั้งเก่าและใหม่รวมกัน 90 โครงการ กำลังติดตั้งรวมกันประมาณ 10,000 เมกะวัตต์ คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของศักยภาพ การผลิตไฟฟ้าของประเทศ
ตามตัวเลขของรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว ปัจจุบันทั่วประเทศ มีโรงไฟฟ้าก่อสร้างสำเร็จแล้ว 43 แห่ง กำลังติดตั้งกว่า 6,300 เมกะวัตต์ ผลิตพลังงานได้กว่า 33,000 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ระบบสายส่งขนาดความดันต่างๆ รวมความยาวกว่า 55,000 กม. สถานีไฟฟ้า 55 แห่ง จำนวนหมู่บ้านที่ได้ใช้ไฟฟ้า 86.50%
จำนวนโรงไฟฟ้าทั้งหมดตามรายงานล่าสุดนี้ รวมทั้งโรงงานผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซล 1 แห่งแห่งแรก เปิดใช้ปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ในเขตเมืองนาทรายทอง นครเวียงจันทน์
การที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่มขึ้น และ มีระบสายส่งไฟฟ้าที่ยาวไกลมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ได้ทำให้การนำเข้ากระแสไฟฟ้าจากไทย จีน และ เวียดนาม 2015-2016 ลดลงเหลือเพียง 965.3 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี หรือ ลดลง 42.3% จากระยะเดียวกันของปีก่อน และ การสนองพลังงานภายในประเทศเองเพิ่มขึ้น 12% ทั้งนี้เป็นตัวเลขของการไฟฟ้าลาว.