รอยเตอร์ - นครรัฐวาติกัน และพม่าสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเต็มรูปแบบในวันนี้ (4) วันเดียวกับที่นางอองซานซูจี เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก
ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นนี้หมายความว่า นครรัฐวาติกันจะมีอิทธิพลทางการทูตมากขึ้นในพม่า ประเทศที่กำลังเผชิญต่อการตรวจสอบระหว่างประเทศต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญา
ในพม่ามีชาวคาทอลิกประมาณ 700,000 คน จากประชากรทั้งหมด 51.4 ล้านคน ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ตามการระบุของพระคาร์ดินัล ชาร์ลส หม่อง โบ
การประกาศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตมีขึ้นไม่นาน หลัง นางอองซานซูจี เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ราวครึ่งชั่วโมง ยังพระราชวังพระสันตะปาปา และในการพบหารือครั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปายังได้มอบสำเนาเอกสารสำคัญหลายฉบับ รวมทั้งสำเนาข้อความของพระองค์สำหรับวันสันติภาพโลกปี 2017 ที่ระบุว่า “การไม่ใช้ความรุนแรง รูปแบบการเมืองเพื่อสันติภาพ”
เมื่อเดือน ก.พ. สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มีถ้อยแถลงวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติต่อชาวโรฮิงญา โดยพระองค์ระบุว่า ชาวโรฮิงญาถูกทรมาณ และสังหารโดยง่ายเพียงเพราะต้องการมีชีวิตอยู่ตามวัฒนธรรม และความเชื่อในศาสนาอิสลาม ซึ่งถ้อยแถลงนี้ของพระองค์มีขึ้นหลังสหประชาชาติรายงานว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงของพม่าได้ดำเนินการสังหารหมู่ รุมข่มขืน และเผาหมู่บ้านของชาวโรฮิงญา
วาติกันระบุว่า การตัดสินใจสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจะช่วยส่งเสริมมิตรภาพระหว่างกัน.
.
.
.
.