วีเอ็นเอ็กซ์เพรส - บริษัทมายลีง (Mai Linh) ผู้ให้บริการแท็กซี่รายใหญ่ของเวียดนามรายงานว่า ผลประกอบการของบริษัทย่ำแย่ที่สุดในรอบ 5 ปี ขณะที่บริษัทแท็กซี่อีกเจ้าหนึ่ง “วีนาซัน” (Vinasun) ก็พบว่าผลกำไรของบริษัทตกลงถึง 50% ในปีนี้ โดยทั้งสองบริษัทต่างกล่าวโทษว่าเป็นผลจากการแข่งขันของแอปพลิเคชันให้บริการรถยนต์ร่วมโดยสาร
แม้จะเข้ามาเจาะตลาดแท็กซี่เวียดนามทีหลัง แต่อูเบอร์ (Uber) และแกรบ (Grab) ก็สามารถเข้าครองพื้นที่ทางธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญจากความโปร่งใสของค่าโดยสาร คุณภาพการบริการ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
บริษัทมายลีง ในนครโฮจิมินห์ ระบุว่า ธุรกิจขนส่งของบริษัทสูญเงินไปเกือบ 84,000 ล้านด่ง (ประมาณ 127 ล้านบาท) เมื่อปีก่อน และผลกำไรสุทธิของบริษัทปีที่ผ่านมาลดลงเกือบ 70% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ตามที่ระบุในรายงานการเงินของบริษัท
ประธานคณะกรรมการบริหารของบริษัทระบุว่า อูเบอร์ และแกรบ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ปี 2559 เป็นปีที่ยากลำบากสำหรับบริษัทมายลีง และบริษัทแท็กซี่ดั้งเดิมรายอื่นๆ และยังระบุว่า ตลาดมีการแข่งขันรุนแรงจากการเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรม ตัวอย่างเช่น อูเบอร์ จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม 3% ในขณะที่บริษัทแท็กซี่รายอื่นๆ ระบุว่าต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% และภาษีเงินได้นิติบุคคล 20%
เจ้าหน้าที่ของบริษัทยังกล่าวโทษว่า อูเบอร์ และแกรบทำให้การจราจรในนครโฮจิมินห์แออัดมากขึ้น เนื่องจากจำนวนรถบนท้องถนนเพิ่มขึ้นกว่า 25,000 คัน ในช่วงหลายปีมานี้
บริษัทวีนาซัน ที่มีฐานอยู่ในนครโฮจิมินห์เช่นกัน ระบุว่า การแข่งขันกับแอปพลิเคชันให้บริการรถยนต์ร่วมโดยสาร ทำให้บริษัทต้องลดเป้ากำไรต่ำลงสำหรับปี 2560 ซึ่งปรับลดมา 3 ปีติดต่อกัน และกำไรขั้นต้นของบริษัทวีนาซันเวลานี้อยู่ที่ 205,000 ล้านด่ง ลดลง 48% จากปี 2559
แต่การกล่าวโทษของบริษัทแท็กซี่ท้องถิ่นเหล่านี้ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนเพียงเล็กน้อย เนื่องจากประชาชนหลายคนกล่าวว่า พวกเขาไม่มีความสุขต่อบริการที่ย่ำแย่ และไม่น่าไว้วางใจของบริษัทแท็กซี่ต่างๆ ทั้งคนขับปฏิเสธที่จะรับผู้โดยสารที่เดินทางในระยะทางสั้นๆ หรือไม่มาปรากฏตัวตามที่ลูกค้าจองไว้.