xs
xsm
sm
md
lg

เดือนนี้มีเรือรบราชนาวีไทยถึง 5 ลำ ไปเยือนอ่าวกามแรงเวียดนาม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#00003>เรือหลวงพระบี่ (511) จอดที่ท่าเทียบเรือ ฐานทัพเรือสงขลา 19 เม.ย.2560 ก่อนออกเดินทางพร้อม กับเรือหลวงสุโขทัย (442) เพื่อร่วมลาดตระเวณกับกองทัพเรือเวียดนาม ตามความตกลงระหว่างรัฐบาลสองประเทศ เรือโอพีวีติดปืนขนาดใหญ่ กับเรือคอร์แว็ต ติดอาวุธปล่อยนำวิถี ทั้งสองลำรวมอยู่ในเรือรบจำนวน 5 ลำ ที่ไปเยือนอ่าวกามแรง ในเวียดนามเดือนนี้. -- ภาพ: กองประชาสัมพันธ์ สลก.ทร. </b>

MGRออนไลน์ -- ราชนาวีไทยส่งเรือรบอีก 2 ลำเยือนเวียดนามในสัปดาห์นี้ ในภารกิจลาดตระเวณร่วม ก่อนไปแวะเยือนอ่าวกามแรง อ่าวยุทธศาสตร์สำคัญ ใน จ.แคงฮว่า (Khanh Hoa) ภาคกลางของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อเยือนสันถวไมตรีกองทัพเรือเวียดนาม ซึ่งเป็นเรือราชนาวีไทยชุดที่ 2 ที่ไปเยือนประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้ ในเดือนเดียวกัน

พิธีจัดส่งหมู่เรือลาดตระเวณร่วม ซึ่งประกอบด้วยเรือหลวงกระบี่ (551) กับเรือหลวงสุโขทัย (442) จัดขึ้น ที่ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา ซึ่งเป็นที่ตั้งของทัพเรือภาค 2 วันพุธ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา โดย พล.ร.ท.พรชัย ปิ่นทอง ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 เป็นประธานในพิธี และ เรือรบทั้งสองลำออกเดินทางในวันเดียวกัน

เรือหลวงของไทยจะปฏิบัติการร่วมลาดตระเวณ เป็นเวลา 36 ชั่วโมงกับเรือ 264 กับ เรือ 265 ซึ่งทั้งสองลำเป็นเรือเร็วตรวจการณ์ ขนาด 390 ตัน ชั้นสเว็ตลายัค (Svetlyak-class) ที่ซื้อจากสภาพโซเวียตเมื่อก่อน ติดปืนใหญ่ยิงเร็วเอเค-630 ขนาด 30 มม. สำหรับยิงเป้าหมายระยะประชิด ปืนใหญ่เรือยิงเร็วแบบเอเค-176 ขนาด 76.2 มม. และ ใช้อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน แบบประทับไหล่ยิง

วันที่ 23 เม.ย.เรือราชนาวีทั้งสองลำ จะไปแวะเยือนอ่าวกามแรง (Cam Ranh/คัมราน) และ เดินทางกลับไทย 27 เม.ย. ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกองทัพเรือเผยแพร่เรื่องนี้ วันพฤหัสบดี 20 เม.ย.ที่ผ่านมา

สำหรับเรือหลวงกระบี่ เป็นเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ติดปืนใหญ่เรือ เป็นเรือโอพีวีขนาดใหญ่ 1,960 ตัน ต่อโดยอู่ต่อเรืองกรุงเทพในประเทศไทย ตามแบบเรือชั้นริเว่อร์ (River-Class) ขนาด 1,700 ตัน ของราชนาวีอังกฤษ โดยได้รับการถ่ายทอดทั้งแบบ และเทคโนโลยีจากกลุ่มวอสเปอร์ ธอร์นี่คราฟท์ (Vosper Thornycroft) แห่งสหราชอาณาจักร
.

2

3
ส่วนเรือหลวงสุโขทัย เป็นเรือคอร์แว็ตติดอาวุธปล่อยนำวิถี ขนาด 960 ตัน เป็นหนึ่งในสองลำ ในชุดเรือหลวงรัตนโกสินทร์ (441) ติดระบบอาวุธทันสมัยหลายชนิด เพื่อภารกิจทั้งสงครามผิวน้ำ และปราบเรือดำน้ำ ซึ่งรวมทั้งจรวดยิงเรือแบบ RGM-84 "ฮาร์พูน" ผลิตในสหรัฐ จรวดต่อสู้อากาศยานอาสปิเด (Aspide/แอสปายด์) ผลิตในอิตาลี ปืนใหญ่โอโตเบรดาขนาด 76 มม. ปืนใหญ่แฝดแบบโบฟอร์ ขนาด 40 มม. ปืนอัตโนมัติเออร์ลิคอน ขนาด 20 มม. และ ตอร์ปิโดแบบ Mk-32 "สติงเรย์"

ผบ.ทัพเรือภาคที่ 2 กล่าวในพิธีว่า ภารกิจของหมู่เรือลาดตระเวณของไทย เป็นการลาดตระเวนร่วม ตามแผนปฏิบัติการ ที่เป็นข้อตกลงระหว่างสองประเทศ และ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 35 เสร็จภารกิจดังกล่าว เรือหลวงทั้งสองลำจะเข้ารับการบำรุง ที่ท่าเรือนานาชาติกามแรง เป็นการสร้างความสัมพันธ์ และ ช่วยแก้ปัญหาเรือประมงเวียดนามจำนวนมาก ล่วงล้ำเข้ามาทำการประมงในประเทศไทย

ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 14 เม.ย. หมู่เรือฝึกภาคปฏิบัติในทะเลต่างประเทศ ของนักเรียนนายเรือจำนวน 3 ลำ คือ เรือหลวงจ้าพระยา (455) เรือหลวงมกุฎราชกุมาร (433) และ เรือหลวงนราธิวาส (512) ได้เข้าจอด ที่ท่าเรือนานาชาติกามแรง แห่งเดียวกัน เพื่อเยือนสันถวไมตรีเวียดนาม นำโดย พล.ร.ต.บัณฑิตย์ จันทโรจวงศ์ รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ เป็นผู้บังคับหมู่เรือฝึก

ตามรายงานของกองทัพเรือ น.อ.วรพาท รัชตะสังข์ (รน) ผู้ช่วยฑูตฝ่ายทหารเรือ ประจำสถานฑูตไทย ณ กรุงฮานอย และ กำลังพลจากภาคทหารเรือที่ 4 กองทัพเรือเวียดนาม ได้จัดพิธีต้อนรับกองเรือของไทย เวลาต่อมา พล.ร.ต.บัณฑิตย์ ได้นำคณะฯ เข้าเยี่ยมคำนับ ประธานคณะกรรมการ จังหวัดแค้งฮว่า ณ ศาลาว่าการจังหวัด

วันเดียวกันคณะจากไทย ได้เข้าเยี่ยมคำนับ ผู้บัญชาการภาคทหารเรือที่ 4 กองทัพเรือเวียดนาม ณ ห้องรับรองท่าเรือนานาชาติกามแรง
.

<br><FONT color=#00003>เรือรบของราชนาวีไทยชุดแรก จำนวน 3 ลำ ซึ่งได้แก่เรือหลวงจ้าพระยา  (455)  เรือหลวงมกุฎราชกุมาร  (433) กับ เรือหลวงนราธิวาส  (512) ไปแวะเยือนสันถวไมตรีอ่าวกามแรง 14 เม.ย.2560 ในภารกิจฝึกภาคปฏิบัติในทะเลต่างประเทศ ของนักเรียนนายเรือ.  -- ภาพ: กองประชาสัมพันธ์ สลก.ทร. </b>
4
นักเรียนนายเรือ พร้อมผู้บังคับบัญชา กับเรือรบทั้ง 3 ลำ ออกฝึกในทะเลต่างประเทศ ตั้งแต่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ตามเส้นทางจากฐานทัพเรือสัตหีบ ไปยังฐานทัพเรือชางงี ในสิงคโปร์ และ ฐานทัพเรือโกตาคินาบาลู ในรัฐซาบาห์ มาเลเซีย ไปยังเขตปกครองพิเศษฮ่องกง และ เวียดนาม

หลังเสร็จสิ้นภารกิจในเวียดนาม เรือทั้งสามออกเดินทางจากอ่าวกามแรง ในวันที่ 18 เม.ย. ถึงไทยและเข้าจอดที่ฐานทัพทัพเรือสัตหีบ เรียบร้อยในตอนเช้าวันศุกร์ 21 เม.ย.นี้

สำหรับเรือหลวงเจ้าพระยา เป็นเรือฟริเกตติดอาวุธปล่อยนำวิถี ชั้นเจียงฮู 3 หรือ Type 053H2 ที่ซื้อจากจีน เป็นเรือต้นเรือชุดเจ้าพระยา ที่มีทั้งหมด 4 ลำ ซึ่งรวมทั้งเรือหลวงบางปะกง (456) เรือหลวงกระบุรี (457) กับ เรือหลวงสายบุรี (458) สองลำหลังเป็นรุ่นปรับปรุง (053HT) มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 1 ลำ บนดาดฟ้าด้านหลัง

เรือหลวงนราธิวาส เป็นเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งติดปืน ขนาด 1,460 ตัน ที่ซื้อจากจีน เป็นหนึ่งในสองลำ ในชุดเรือหลวงปัตตานี (511) ใช้ในภารกิจ ทั้งการลาดตระเวณ และการฝึกของทหารเรือ หรือ นักเรียนนายเรือ

อีกหนึ่งลำ - เรือหลวงมกุฏราชกุมาร เป็นเรือฟริเกตติดปืน และ ติดตอร์ปิโด ลำเดียวโดดๆ ต่อจากอู่ยาร์โรว์ ( Yarrow Shipbuilders) ในสกอตแลนด์ ต่อตามแบบเรือ KD Rahmat เรือฟริเกตของราชนาวีมาเลเซีย แต่ยาวกว่า เพื่อติดปืนที่ส่วนท้ายเรือเพิ่มอีก 1 ระบบ อาวุธหลักเป็นปืนใหญ่เรือ Mark 8 ขนาด 113 มม. (4.5 นิ้ว) แบบเดียวกันกับที่ใช้ บนเรือรบของราชนาวีอังกฤษ.
กำลังโหลดความคิดเห็น