เอเอฟพี - รัฐบาลกัมพูชากำลังจะอนุญาตให้คู่สามีภรรยาชาวต่างชาติเดินทางกลับประเทศพร้อมเด็กทารกอุ้มบุญที่เกิดก่อนที่ทางการประกาศห้ามดำเนินการธุรกิจดังกล่าวเมื่อปีก่อน เจ้าหน้าที่กัมพูชา ระบุ
การควบคุมอุตสาหกรรมการรับอุ้มบุญในไทย และอินเดีย ทำให้ธุรกิจที่ไม่ถูกกฎระเบียบนี้ขยายตัวมากขึ้นในกัมพูชา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคู่สามีภรรยาชาวออสเตรเลียที่เปลี่ยนปลายทางมากัมพูชามากขึ้นด้วย
แต่เมื่อปลายปีก่อน ทางการเขมรได้สั่งห้ามการรับอุ้มบุญเชิงพาณิชย์ และปฏิเสธที่จะออกสูติบัตรให้แก่ทารกเหล่านั้น ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้พ่อแม่ชาวต่างชาติ ที่หลายคู่เชื่อว่าเป็นชาวออสเตรเลีย ไม่สามารถพาเด็กกลับไปด้วยได้ แม้คู่สามีภรรยาเหล่านั้นจะสามารถเดินทางเข้าออกกัมพูชาได้ก็ตาม
แต่เจ้าหน้าที่กัมพูชากล่าวต่อเอเอฟพีว่า ข้อจำกัดดังกล่าวจะเปลี่ยนแปลงไป หลังนายกรัฐมนตรีฮุนเซน อนุมัติ “ทางออก” ที่จะอนุญาตให้ทารกที่เกิด หรืออยู่ในครรภ์ด้วยการอุ้มบุญก่อนทางการประกาศห้าม สามารถเดินทางออกจากประเทศได้
“เราจะอนุญาตให้พ่อแม่พาเด็กอุ้มบุญที่เกิดก่อนการประกาศห้ามเดินทางออกไปได้” เจือ บุน เอง รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา กล่าว แต่คู่สามีภรรยาชาวต่างชาติต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และแสดงผลตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันตัวเด็ก
“และเราต้องการให้พ่อแม่เด็กแสดงเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงต้องขอให้ผู้อื่นอุ้มท้องแทนด้วย” เจือ บุน เอง กล่าว
แต่สำหรับพ่อแม่ที่พยายามจะพาลูกๆ ออกจากกัมพูชาอย่างผิดกฎหมายจะถูกตั้งข้อหาความผิดทางอาญา
บริษัทรับอุ้มบุญเริ่มขยายตัวในกัมพูชา หลังอินเดีย และไทยห้ามชาวต่างชาติใช้บริการดังกล่าว หลังมีเรื่องอื้อฉาว และความวิตกเกี่ยวกับการแสวงหาประโยชน์จากการอุ้มบุญ ขณะที่การอุ้มบุญในกัมพูชานั้นมีค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ถูกกว่า และไม่มีกฎหมายที่ห้ามคู่รักเพศเดียวกัน หรือพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำให้กัมพูชากลายเป็นปลายทางที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในเดือน พ.ย.2559 พยาบาลชาวออสเตรเลีย อายุ 49 ปี ถูกจับกุมตัวจากข้อกล่าวหาว่าเปิดให้บริการอุ้มบุญผิดกฎหมายในกัมพูชา ด้วยการจัดหาหญิงชาวกัมพูชามากกว่า 20 คน มารับตั้งครรภ์ให้แก่คู่สามีภรรยาชาวออสเตรเลีย.