รอยเตอร์ - พม่าจัดการเลือกตั้งซ่อมเมื่อวันเสาร์ (1) ที่ถือเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกนับตั้งแต่พรรคการเมืองของนางอองซานซูจี กวาดคะแนนเสียงเข้าบริหารประเทศเมื่อ 1 ปีก่อน และยังเป็นการชี้วัดเบื้องต้นของมุมมองประชาชนต่อความเป็นผู้นำของซูจี ท่ามกลางเหตุการณ์การต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จะเติมเต็มที่นั่งในสภา 19 ที่นั่ง ซึ่งว่างลงจากการที่นักการเมืองเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล โดยจำนวนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงในคราวนี้อยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคน หรือไม่ถึง 5% ของประชากรทั้งประเทศ
ในการกล่าวปราศรัยทางโทรทัศน์เมื่อต้นสัปดาห์ ซูจี ได้รับทราบถึงความไม่พอใจของประชาชนต่อกระบวนการการปฏิรูป และการพัฒนาที่ล่าช้าภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลพลเรือน แต่ซูจียังย้ำถึงความสำคัญของการยุติความขัดแย้งชาติพันธุ์ ที่ยังทำให้พม่าเป็นรัฐที่มีสงครามกลางเมืองอยู่ตลอด
แม้ผลของการเลือกตั้งซ่อมจะไม่กระทบสมดุลอำนาจภายในสภาที่พรรค NLD ครองเสียงส่วนใหญ่ แต่ถือเป็นโอกาสที่จะวัดความนิยมของฝ่ายบริหารในประเทศ
วิน เต็ง หนึ่งในแกนนำระดับสูงของพรรค NLD กล่าวว่า พรรคเผชิญต่ออุปสรรคทางภาษา และปัญหาต่อกลุ่มติดอาวุธในรัฐชาน ซึ่งการต่อสู้ในบางพื้นที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
“เรายังคงพยายามที่จะปรับปรุงในรัฐชาน เนื่องจากคนท้องถิ่นไม่เข้าใจภาษาพม่า ดังนั้น เราต้องแปลนโยบายของเราให้เป็นภาษาชาน” วิน เต็ง กล่าว
การปะทะกันระหว่างกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ และทหารในพื้นที่ได้ปะทุขึ้นอีกครั้งนับตั้งแต่ซูจีเข้าบริหารประเทศ ซึ่งทำให้ประชาชนมากกว่า 160,000 คน ต้องอพยพออกจากที่อยู่ของตัวเอง ตามการประเมินของสหประชาชาติ
ซูจี ยังเผชิญต่อคำวิพากษ์วิจารณ์จากต่างชาติถึงการจัดการวิกฤตในรัฐยะไข่ของรัฐบาล ที่ทหารได้เข้าขัดขวางการเข้าถึงของเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ และยังถูกกล่าวหาว่าก่อเหตุข่มขืน และสังหารพลเรือน.