เอเอฟพี - ตำรวจเวียดนามใช้เวลา 3 เดือน ดำเนินการสืบสวนข้อกล่าวหาว่ามีเด็กอายุ 8 ปี ถูกลวนลาม แต่เนื่องจากกระแสความไม่พอใจต่อคดีดังกล่าวโหมกระพือในสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก ผลปรากฎว่า ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ในไม่เวลาเพียงกี่วัน นับเป็นชัยชนะที่หาได้จากสำหรับความคิดเห็นของประชาชนในประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้
เด็กหญิงถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยครอบครัวของเพื่อน ที่อยู่ใกล้บ้านป้าของเด็กในกรุงฮานอย เมื่อเดือน ม.ค. แต่การร้องเรียนของแม่เด็กกลับไม่ได้รับการตอบรับ จนกระทั่งข่าวปรากฏทั่วสื่อสังคมออนไลน์ ที่บรรดาผู้ใช้งานเฟซบุ๊กต่างต้องการที่จะทราบว่า ทำไมคำขอร้องของแม่เด็กที่ต้องการการดำเนินการทางกฎหมายถึงไม่ได้รับการตอบสนอง
ทันใดนั้น ในสัปดาห์ที่ผ่านมา รองนายกรัฐมนตรีได้เรียกร้องให้ตำรวจจัดการต่อคดีดังกล่าวอย่างจริงจัง และผู้ต้องสงสัยถูกจับตัวได้
แต่ความเจ็บปวดยังคงไม่สิ้นสุดสำหรับเหยื่อของคดีนี้ ที่ยังคงร้องไห้แม้ในยามหลับ
“แพทย์บอกว่าลูกสาวได้รับบาดเจ็บตรงอวัยวะเพศ มีร่องรอยการใช้ความรุนแรงทางเพศ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับลูกสาวของฉัน ฉันรู้สึกใจสลายที่เห็นเธอร้องไห้ทั้งที่นอนหลับ เธอยังกลัวมาก” งา (นามสมมติ) แม่ของเหยื่อ กล่าว
เวียดนามไม่มีสื่ออิสระ ทำให้หลายคนหันมาใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการแชร์ความคิคเห็น
แต่แม้กระทั่งเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมอย่างเฟซบุ๊ก ก็ยังถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิดโดยทางการคอมมิวนิสต์ ที่พร้อมจะจำคุกใครก็ตามที่แสดงความคิดเห็นที่มากเกินไปไกลจนดูเหมือนการก่อความไม่สงบ
แต่ความโกรธแค้นไม่พอใจต่อคดีบนเฟซบุ๊กเมื่อสัปดาห์ก่อน กลับทำให้เกิดปฏิกิริยาที่แตกต่างออกไปจากทางการ
ตำรวจระบุว่า ในแต่ละปีมีรายงานคดีการล่วงละเมิดทางเพศในประเทศราว 1,000 คดี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ยังมีคดีอีกมากที่ไม่ถูกรายงาน ส่วนข้อมูลเมื่อไม่นานนี้ และคดีที่ถูกเผยแพร่นั้นเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง
“พวกเขาอาจอาย หรือโทษตัวเอง อาจมีภัยคุกคามของความรุนแรง และบางครั้งพวกเขาก็ไม่มีศรัทธาต่อสถานการณ์ และระบบ” ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กของยูนิเซฟ ในเวียดนาม กล่าว
ปัจจัยทางวัฒนธรรมยังขัดขวางผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากการเปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในประเทศที่เด็กไม่ได้รับการศึกษาเรื่องเพศอย่างเพียงพอ
“ทุกคนลังเลที่จะพูดคุยเรื่องการข่มขืน การบังคับขืนใจ และการทารุณทางเพศ เราต้องทำลายวัฒนธรรมนั้น” ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการพัฒนาสังคม กล่าว
.
.
แต่บางคนที่กล้าก้าวข้ามกำแพงวัฒนธรรม ก็เจอกับอุปสรรคทางกฎหมายอีก
พ่อคนหนึ่งเล่าด้วยความเจ็บปวดถึงการต่อสู้นาน 3 ปี ที่ไม่ประสบความสำเร็จในการร้องขอให้ตำรวจตั้งข้อหาต่อเพื่อนบ้านสูงอายุที่ขืนใจลูกสาวอายุ 3 ปี
เมื่อเดือน ส.ค. ผู้ปกครองหลายคนในเมืองหวุงเต่า ทางภาคใต้ของประเทศ ร้องเรียนกล่าวหาว่าชายอายุ 76 ปี ลวนลามเด็ก 7 คน ในระหว่างปี 2555-2559 ซึ่งในเบื้องต้น ตำรวจกล่าวว่าไม่สามารถตั้งข้อหาได้เพราะขาดหลักฐาน
แต่ในที่สุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางแรงกดดันของประชาชนที่เพิ่มสูง อัยการระบุว่าจะตรวจสอบคดีอีกครั้งหนึ่ง
“คดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องต่อการอนาจารมักถูกจัดการอย่างเชื่องช้า” ทนายความที่เป็นตัวแทนลูกสาวของงา กล่าว
และบางครั้ง การดำเนินการทางกฎหมายที่ล่าช้าได้ส่งผลร้ายแรง
ในเดือน ก.พ. เด็กหญิงอายุ 13 ปี ใน จ.ก่าเมา ทางภาคใต้ ได้ฆ่าตัวตาย หลังเธอถูกกล่าวหาว่าถูกเพื่อนบ้านกระทำทารุณอย่างต่อเนื่อง สื่อของทางการรายงานว่า ตำรวจไม่ได้ตั้งข้อหาผู้ต้องสงสัยเพราะขาดหลักฐาน
ประชาชนเกิดปฏิกิริยาอย่างรวดเร็วต่อความไม่คืบหน้าของคดีเหล่านี้ และเฟซบุ๊กกลายเป็นพื้นที่ให้ประชาชนที่รู้สึกไม่พอใจเข้ามาแสดงความคิดเห็น
“ชาวเฟซต้องทำให้คดีเหล่านี้เป็นที่รับรู้ เราจะส่งเสียงของเราเพื่อกำจัดคนที่ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ เพื่อสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน” ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก รายหนึ่ง กล่าว
ตามประมวลกฎหมายอาญาของเวียดนาม ข้อหาการล่วงละเมิดทางเพศ มีโทษจำคุก 12 ปี ขณะที่ผู้ที่ข่มขืนเด็กอาจเผชิญต่อโทษประหาร แต่กฎหมายยังระบุด้วยว่า ต้องมีความเสียหายทางกายภาพเกิดขึ้นต่อร่างกาย ตำรวจถึงจะเริ่มดำเนินการสืบสวน
ผลคือ คดีส่วนใหญ่ของการล่วงละเมิดทางเพศไม่เคยนำไปสู่การพิจารณา.