เอพี - สมเด็จพระจักรพรรดิ และสมเด็จพระจักพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ทรงอยู่ในระหว่างเสด็จเยือนเวียดนาม ซึ่งทั้งสองพระองค์จะทรงพบกับสตรีชาวเวียดนามที่ถูกสามีซึ่งเป็นทหารญี่ปุ่นทิ้งไว้เบื้องหลังสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ภรรยา และลูกของทหารญี่ปุ่นที่ยังมีชีวิตอยู่ 16 คน ได้รับพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ตามการระบุของเลขานุการฝ่ายประชาสัมพันธ์
ทหารญี่ปุ่นราว 600-800 คน ยังคงอยู่ในเวียดนาม และฝึกทหารเวียดมินห์ ของโฮจิมินห์ ให้ต่อสู้กับกองกำลังฝรั่งเศส หลังญี่ปุ่นยอมจำนนแก่ฝ่ายพันธมิตรในปี 1945 ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งของทหารญี่ปุ่นเหล่านั้นได้เสียชีวิตในการต่อสู้กับฝรั่งเศส หรือเสียชีวิตจากความเจ็บป่วย
ทหารชุดแรก จำนวน 71 นาย ถูกสั่งให้เดินทางกลับญี่ปุ่น แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้พาครอบครัวกลับไปพร้อมกัน ซึ่งครอบครัวของทหารเหล่านี้ถูกทิ้งให้เผชิญต่อความยากลำบาก และการถูกดูหมิ่นด้วยถูกกล่าวหาว่า ทรยศชาติที่ใช้ชีวิตกับอดีตศัตรู แต่ทหารกลุ่มสุดท้ายที่เดินทางออกจากเวียดนามเหนือในปี 1960 นั้น สามารถนำสมาชิกในครอบครัวกลับไปด้วยได้
“สมเด็จพระจักรพรรดิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีทรงทราบถึงความเจ็บปวด และความยากลำบากที่ภรรยาชาวเวียดนาม และครอบครัวได้เผชิญ ทั้งสองพระองค์ทรงเห็นใจอย่างมากต่อสถานการณ์ดังกล่าว แม้จะทรงทราบว่าเวลานี้สถานะของภรรยา และลูกชาวเวียดนามพัฒนาขึ้นกว่าเดิม และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในตอนนี้” ฮัตซึฮิสะ ทาคาชิมะ เลขานุการฝ่ายประชาสัมพันธ์ กล่าว
“แต่ในโอกาสพิเศษของการเสด็จเยือนเวียดนามครั้งนี้ ทั้งสองพระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะพบกับสมาชิกบางส่วนของกลุ่มพิเศษกลุ่มนี้ และมีพระราชปฏิสันถารแสดงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจต่อพวกเขา เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงทำในหลายประเทศ และหลายที่ในญี่ปุ่นที่พระองค์เสด็จฯ” ทาคาชิมะ กล่าว
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ และพระจักรพรรดินีมิชิโกะ เสด็จฯ ถึงเวียดนามเมื่อวันอังคาร (28) ซึ่งเป็นการเสด็จฯ เยือนเวียดนามครั้งแรกของทั้งสองพระองค์ และในวันพุธ (1) สมเด็จพระจักรพรรดิ ทรงตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ พร้อมกับประธานาธิบดีเจิ่น ได กวาง ของเวียดนาม และทรงหารือกับผู้นำเวียดนามหลังจากนั้น
สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ตรัสว่า ทั้งสองประเทศได้ร่วมแบ่งปันแลกเปลี่ยนหลากหลายด้านตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบันด้วยความสัมพันธ์ที่ดี ประชาชนของสองประเทศพัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งพระองค์ทรงหวังอย่างจริงใจว่า การเสด็จเยือนในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมความเข้าใจระหว่างกันให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น และส่งเสริมความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างชาวเวียดนามและชาวญี่ปุ่น
ฝ่ายประธานาธิบดีเจิ่น ได กวาง ของเวียดนาม กล่าวว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคีเวลานี้อยู่ในระดับที่ดีที่สุดของการพัฒนาในประวัติศาสตร์
“วันนี้ ทั้งสองประเทศไม่เพียงแต่เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านเท่านั้น แต่เป็นมิตรที่จริงใจ แบ่งบันทุกข์และสุขร่วมกัน” ผู้นำเวียดนาม กล่าว
เวียดนาม และญี่ปุ่นสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 1973 และความสัมพันธ์ของสองประเทศพัฒนาอย่างมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวียดนามเปิดประเทศในต้นทศวรรษ 1990 ปัจจุบัน ญี่ปุ่นเป็นประเทศผู้บริจาคต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม และเป็นหนึ่งในนักลงทุนต่างชาติ และหุ้นส่วนทางการค้าอันดับต้นของประเทศ.
.
.
.