xs
xsm
sm
md
lg

“ซูจี” เอ่ยปากครั้งแรกถึงเหตุสังหารที่ปรึกษาพรรค บอกเป็น “ความสูญเสียยิ่งใหญ่” ต่อประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#000033>อองซานซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของพม่า ร่วมงานพิธีรำลึกถึง โก นี ทนายความที่ถูกลอบสังหารและเน วิน คนขับแท็กซี่ ในนครย่างกุ้ง วันที่ 26 ก.พ. โดยซูจีกล่าวว่าการเสียชีวิตของโก นี นั้นเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประเทศ. -- Agence France-Presse/Ye Aung Thu.</font></b>

เอเอฟพี - อองซานซูจี ผู้นำพม่ายอมพูดถึงเหตุการณ์ลอบสังหารที่ปรึกษาพรรคครั้งแรก โดยระบุว่า การเสียชีวิตของที่ปรึกษา เป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงต่อการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประเทศ

โก นี ทนายความมุสลิม และนักวิจารณ์กองทัพของประเทศ ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 ม.ค. นอกสนามบินย่างกุ้ง ในการสังหารที่สร้างความตกตะลึงไปทั่วทั้งรัฐบาลพลเรือนของประเทศ

เน วิน คนขับรถแท็กซี่ ถูกยิงเสียชีวิตอีกรายขณะพยายามที่จะเข้าสกัดมือปืนที่ถูกจับกุมตัวได้ในภายหลัง ทางการระบุว่า มือปืนรายนี้ได้รับการว่าจ้างจากอดีตเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งเวลานี้ยังคงหลบหนีการจับกุม

พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ของซูจี ระบุเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ว่า เป็นการลอบสังหารทางการเมือง และการก่อการร้ายต่อนโยบายของพรรค แต่ซูจี เพื่อนสนิทของโก นี ยังคงปิดปากเงียบไม่เคยกล่าวแสดงความคิดเห็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เลย

ในวันอาทิตย์ (26) ซูจี ได้ปรากฎตัวที่งานรำลึกที่พรรคจัดขึ้นให้แก่เหยื่อทั้งสองราย

“การสูญเสียโก นี เป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงสำหรับพรรค NLD ของเรา เขาทำงานร่วมกับพวกเรามานานหลายปีด้วยความเชื่อมั่นของเขา” ซูจี กล่าวต่อผู้คนที่มาร่วมงานกันแน่นขนัดในนครย่างกุ้ง และระบุว่า ทั้งโก นี และคนขับรถแท็กซี่ เป็นผู้เสียสละ

โก นี ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐธรรมนูญ เป็นนักวิจารณ์อิทธิพลทางการเมืองของทหารที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการควบคุมกระทรวงด้านความมั่นคงและการสงวนที่นั่งในรัฐสภา อันเป็นสิ่งที่พรรค NLD หวังให้เปลี่ยนแปลงในวันหนึ่ง

โก นี ยังตำหนิกระแสความหวาดกลัวอิสลามที่เพิ่มมากขึ้น และขยายตัวไปทั่วประเทศในช่วงหลายปีมานี้ ซึ่งถูกปลุกปั่นขึ้นจากกลุ่มชาวพุทธชาตินิยมหัวรุนแรงในประเทศ

ซูจี ได้กล่าวถึงเหตุสังหารเพียงเล็กน้อย แต่สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้สังเกตการณ์ เนื่องจาก ซูจี มักไม่ค่อยกล่าวปราศรัยถึงนโยบาย ออกคำแถลง หรือจัดการแถลงข่าว

ฝ่ายบริหารมือใหม่ของซูจี ต้องรับมือทั้งความคาดหวังที่สูงลิ่วของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลายระลอก รวมทั้งการต่อสู้ครั้งเลวร้ายที่สุดในช่วงเวลาหลายสิบปีที่ปะทุขึ้นระหว่างกองทัพ และกลุ่มกบฏชาติพันธุ์ ขัดขวางความฝันของซูจี ที่จะบรรลุการหยุดยิงทั่วประเทศ

ขณะเดียวกัน สหประชาชาติระบุว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงมีแนวโน้มอย่างมากที่การปราบปรามชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮิงญาจะเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ในงานรำลึก ซูจี ก็ยังคงไม่กล่าวอะไรถึงการเมือง แต่ได้ร้องขอให้มีความอดทน โดยอ้างว่ารัฐบาลของเธอเข้ามาบริหารประเทศได้เพียง 10 เดือนเท่านั้น หลังการปกครองของรัฐบาลเผด็จการทหารนานหลายทศวรรษ

“ประชาชนของเราที่ต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบากมาหลายสิบปีอาจคิดว่ามันนานเกินไป แต่สำหรับประวัติศาสตร์ของประเทศ สำหรับประวัติศาสตร์ของรัฐบาล 10 เดือนหรือ 1 ปี นั้นไม่นานเลย มันเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาระยะสั้นๆ” ซูจี กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น