MGRออนไลน์ -- ทางการกรุงฮานอยเริ่มจับกุมพวกปัสสาวะเรี่ยราดในที่สาธารณะ 3 คนขับแท้กซี่สุดซวย กลายเป็นไก่ถูกเชือด โดนปรับหนักคิดเป็นเงินไทยกว่า 3,000 บาท หลังภาพปรากฎชัดในกล้องวงจรปิด ขณะยืนหันหน้าเข้าหากำแพงปลดทุกข์เบาๆ อย่างเคยชิน เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบบุกเข้าขาร์จทันที
การยึดริมถนนหรือสวนสาธารณะเป็นห้องน้ำ นับเป็นพฤติกรรมที่อยู่คู่เมืองหลวงมานานนับศตวรรษ เป็นความเคยชินสำหรับคนในท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่สารถีสามล้อซิกโคล่ กับรถรับจ้างชนิดอื่นๆ ตลอดจนพ่อค้าแม่ขายทั่วไป
นับเป็นการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องนี้่เป็นครั้งแรก ตั้งแต่ประกาศปลายปีที่แล้ว และ เริ่มมีผลบังคับใช้ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ตามที่แมเนเจอร์ออนไลน์นำเสนอไปก่อนหน้านี้ โดยทางการเพิ่มอัตราค่าปรับอีกหลายเท่า ค่าปรับสูงสุดสำหรับผู้ฝ่าฝืน เป็นเงินกว่า 10,000 บาทไทย ถึงกระนั้นก็ยังมีคนกระทำผิดอยู่เช่นเดิม
เจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ จากกองกำลังเฉพาะกิจ ที่ได้รับฉายาว่า "ผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อม" เข้าจับกุมคนขับแท้กซี่ทั้งสามเมื่อวันจันทร์ ในเขตหว่างมาย (Hoang Mai) ของเมืองหลวง หลังจากภาพปรากฎชัดเจนในวิดีโอ และเวลาต่อมาถูกนำไปเปรียบเทียบปรับ ยัง สน.ท้องที่คนละ 2 ล้านด่งเงินเวียดนาม หรือประมาณ 88 ดอลลาร์ สื่อของทางการรายงาน
เจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยนี้ ยังคงตรวจตราสภาพแวดล้อมริมถนน ผ่านกล้องวงจรปิด เพื่อจัดการกับผู้กระทำผิดรายต่อไป โดยจะลงโทษปรับหนักสำหรับความผิดครั้งแรก ครั้งต่อไปทั้งปรับ ทั้งส่งไปใช้แรงงานรับใช้สังคม หากยังฝ่าฝืนอีก จะถูกส่งตัวให้กรมควบคุมความประพฤติ เพื่อดัดนิสัยและสอดส่องดูแล โด่ยโสงฟ้าปหลวต (Doi Song Phap Luat) เว็บไซต์ข่าวภาษาเวียดนามรายงาน
เดือน พ.ย.2559 ทางการเมืองหลวง ได้ออกเทศบัญญัติฉบับใหม่ ดำเนินการต่อพวกที่ปลดทุกข์ไม่เป็นที่เป็นทาง กำหนดลงโทษปรับที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น หวังจะให้ขยาด โดยระบุว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่สามารถยอมรับได้อีกต่อไปในสังคมยุคใหม่ ที่มีผู้คนมากขึ้น และ ชาวต่างชาติเดินทางไปเยี่ยมเยือนมากขึ้น
ไม่เพียงแต่เรื่องนี้เท่านั้น ทางการยังได้ออกข้อบัญญัติเกี่ยวกับสิ่งที่ "ควรทำ" และ จะต้อง "ไม่กระทำ" อีกหลายเรื่อง รวมทั้งการให้ความเคารพ ให้เกียรติ ให้โอกาสแก่เด็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และ ผู้พิการทางร่างกายก่อน แต่งกายสุภาพเรียบร้อบ ปฏิบัติตามกฎหมาย และ ช่วยกันรักษาสภาพแวดล้อมให้น่าอยู่ ซึ่งนำมาสู่การเข้มงวด ต่อพวกปัสสาวะเรี่ยราดทั้งชายและหญิง
ทางการกล่าวว่า การปัสสาวะในที่สาธารณะ การทิ้งขยะเกลื่อนกลาดลงพื้นถนนอย่างมักง่าย การบ้วนน้ำลายลงพื้น การขากถุย การตะโกนด่าทอกัน รวมทั้งการแต่งกายไม่สุภาพเรียบร้อย "เป็นบุคคลิกที่ไม่สามารถยอมรับได้อีกต่อไป" และ ยัง "เป็นภาษากายที่เลวร้าย" อีกด้วย
ดังที่เคยรายงานไปแล้ว การปัสสาวะริมถนนเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับชาวเมืองหลวงจำนวนมาก และ มีบทบัญญัติลงโทษอยู่ก่อนแล้ว แต่การเข้มงวดกวดขัน ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในยุคปัจจุบัน แต่ปัจจัยหนึ่งทีมีความสำคัญต่อการฝ่าฝืนในเรื่องนี้ อาจจะเนื่องมาจากการขาดแคลน ห้องน้ำห้องส้วมสาธารณะอย่างหนักนั่นเอง
สถิติของสำนักงานก่อสร้างกรุงฮานอยชี้ว่า ทั่วเมืองหลวงมีห้องน้ำสาธารณะเพียง 340 แห่ง และ ในนั้นราว 2 ใน 3 ยังกระจุกกันอยู่ ตามแหล่งชุมชน มีเพียง 1 ใน 3 ที่เหลือ กระจายกันอยู่ตามถนนย่านรอบนอก ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ แต่ทางการก็กำลังเร่งขยับขยาย เพื่อให้มีบริการอย่างทั่วถึงในอีกไม่นานนี้
เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ถึงแม้จะไม่มีห้องน้ำสาธารณะเพียงพอ ก็ไม่อาจจะใช้เป็นข้ออ้าง ในการทำลายสภาพแสดล้อมได้ และ จากการปล่อยหนักปล่อยเบานั้นก็เป็นกิจวัตร และ เป็นนิสัยที่สามารถแก้ไขได้เช่นกัน.