รอยเตอร์ - สหรัฐฯ รู้สึกวิตกกังวลอย่างหนักจากข้อค้นพบของรายงานสหประชาชาติ ที่ระบุว่า ทหารในรัฐยะไข่ของพม่าได้ก่อเหตุทารุณกรรมต่อชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิม กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยวานนี้ (6)
วอชิงตันยังคงศึกษารายงานดังกล่าว แต่เรียกร้องให้รัฐบาลพม่าจริงจังต่อข้อค้นพบเหล่านี้ และทวีความพยายามที่จะปกป้องประชากรท้องถิ่น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศระบุ
“เรารู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อข้อค้นพบเหล่านั้น” แคธินา อดัมส์ อ้างถึงรายงานจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 3 ก.พ.
ข้อกล่าวหาต่างๆ ควรถูกสอบสวนอย่างละเอียด และมีความน่าเชื่อถือ และผู้ที่รับผิดชอบต่อการละเมิดต่างๆ ควรถูกดำเนินการ ขณะเดียวกัน วอชิงตันยังคงเรียรก้องให้รัฐบาลฟื้นการเข้าถึงของสื่อ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่อย่างเต็มที่
รายงานของสหประชาชาติที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ (3) กล่าวว่า กองกำลังรักษาความมั่นคงของพม่าได้ก่อเหตุสังหารหมู่ และรุมข่มขืนชาวมุสลิมโรฮิงญา และเผาหมู่บ้าน ตั้งแต่เดือน ต.ค. ในการดำเนินการที่มีแนวโน้มเป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษชาติ และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
แต่พม่าระบุว่า ปฏิบัติการกวาดล้างที่เกิดขึ้นดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ขณะที่ทางการพม่าปฏิเสธผู้สังเกตการณ์ และผู้สื่อข่าวอิสระในการเข้าถึงพื้นที่ขัดแย้ง เจ้าหน้าที่ยังได้กล่าวหาว่า ชาวโรฮิงญา และผู้ลี้ภัยสร้างเรื่องราวการสังหาร ทุบตี ข่มขืนหมู่ และวางเพลิง ที่ร่วมมือกับผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งทางการพม่าระบุว่า เป็นผู้ก่อการร้ายชาวโรฮิงญาที่มีความเกี่ยวข้องต่อมุสลิมหัวรุนแรงในต่างประเทศ.