เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ในเขตมัณฑะเลย์ ทางภาคกลางของพม่า วางแผนยึดที่ดินทางการเกษตรที่ไม่ได้ใช้งานราว 100,000 ไร่ นำไปใช้เพื่อผลประโยชน์ของชาติ ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่วานนี้ (25)
สิทธิการเป็นเจ้าของที่ดินเป็นหนึ่งในประเด็นปัญหาที่ถกเถียงกันมากที่สุดในประเทศ ด้วยอดีตรัฐบาลเผด็จการทหารถูกกล่าวหาว่า ทำการกวาดยึดที่ดินอย่างไม่เป็นธรรมในช่วงการปกครองนับ 50 ปี
รัฐบาลพลเรือนชุดใหม่ของประเทศ ภายใต้การนำของนางอองซานซูจี ระบุว่า การจัดการต่อข้อขัดแย้งที่ดินเป็นวาระสำคัญลำดับต้น หลังคนยากจนในพื้นที่ชนบทช่วยให้พรรคได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งปี 2558
“เราจะเริ่มยึดที่ดินรกร้างราว 100,000 ไร่ ในเดือน เม.ย.นี้” โซ ตัน รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรเขตมัณฑะเลย์ กล่าว
“ไม่มีการปลูกพืชผลมาเป็นเวลานานหลายปี รัฐบาลจะใช้ที่ดินเหล่านี้เพื่อประโยชน์ของประเทศ” โซ ตัน กล่าวเสริม และให้ข้อมูลพื้นที่ดังกล่าวเหมาะสมต่อการปลูกกาแฟ
แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าที่ดินที่ทางการจะเข้ายึดนั้นอยู่ในจุดใด และมีใครอาศัยอยู่หรือไม่
กฎหมายที่ประกาศใช้ในปี 2555 ภายใต้รัฐบาลชุดก่อน ระบุให้สิทธิรัฐในการเข้ายึดที่ดินรกร้างว่างเปล่า หรือที่ดินที่ยังไม่ได้ถูกใช้งาน
การยึดที่ดินส่วนใหญ่ในพม่าเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 และต้นทศวรรษ 2000 เมื่อประเทศอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงอันสับสนภายใต้การควบคุมของรัฐบาลเผด็จการทหาร มาสู่การปกครองที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกตลาดมากขึ้น
นักเคลื่อนไหว กล่าวว่า ที่ดินส่วนใหญ่ถูกเจ้าหน้าที่ทหาร และบรรดาพวกพ้องยึดไป และที่ดินขนาดใหญ่เหล่านั้นมักนำไปให้บริษัทเอกชนสัมปทาน และรายงานของกลุ่มรณรงค์สิทธิที่ดิน Land in Our Hands อ้างว่า เฉพาะในปี 2553 มีที่ดินราว 12,000 ไร่ ถูกยึดไปจากเกษตรกรในเขตมัณฑะเลย์.