xs
xsm
sm
md
lg

จู๊บจุ๊บดูดดื่มกอดกันกลมดิก เวียดนามปวดใจคอมมิวนิสต์พันธุ์ใหม่วัยเรียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<br><FONT color=#00003>หลายคนบอกว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีให้เห็นในโลกออนไลน์อยู่บ่อยๆ แต่ปัญหาก็คือ พฤติการเลียนแบบเช่นนี้ เกิดขึ้นกับกลุ่มเยาวชนที่มีอายุน้อยลง มากขึ้นทุกทีๆ.  </b>

MGRออนไลน์ -- ประชาคมออนไลน์เวียดนามรำพึงรำพัน ด้วยความรู้สึกขมขื่น รวดร้าวใจอีกครั้งหนึ่ง เมื่อคลิปนักเรียนมัธยมในเครื่องแบบคู่หนึ่งโอบกอดกัน จุมพิตกันดูดดื่มต่อหน้าสาธารณชน ที่บริเวณหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ใจกลางนครโฮจิมินห์ ภาพที่เผยแพ่เมื่อวันที่ 13 พ.ย. กำลังแพร่สะพัดในโลกออนไลน์ กระจายความทุกข์ระทมไปยังพ่อแม่ผู้ปกครอง ทั่วทั้งประเทศ

วิดีโอแสดงให้เห็นนักเรียนหญิงในเครื่องแบบนอนราบบนม้านั่งยาว นุนตักนักเรียนชายที่โอบวงแขนประคอง และ จูบอย่างดูดดื่มหลายครั้ง ต่อหน้าผู้คนที่เดินผ่านไปมา โดยไม่สนใจกระทั่งคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 พ.ย.2559 ในท้องที่อำเภอเติ่นผู นครโฮจิมินห์ เมื่อแพร่สู่โลกออนไลน์ เพียงข้ามวันก็มีผู้คลิกเข้าชมคลิปนี้ถึง 70,000 ครั้ง ผู้แสดงความเห็นอีกกว่า 6,000 และ กำลังแชร์กระหึ่ม

คลิปยาวไม่ถึงนาที แต่มีผลกระทบรุนแรง แน่นอนว่า ผู้ชมและอ่านเกือบทั้งหมด มองเหตุการณ์นี้ในเชิงลบ สลดหดหู่ มีจำนวนไม้น้อยแสดงความห่วงใย กระทั่งสิ้นหวังกับอนาคตของชาติ อีกจำนวนมาก เรียกร้องให้ทางการต้องเอาใจใส่ แก้ไขพฤติกรรมแบบนี้โดยเร็วไว

นี่ไม่ใช่ครั้งแรก การแสดงออกซึ่งความรักอย่างเปิดเผย ต่อหน้าธารกำนันเช่นนี้มีให้เห็นมาหลายครั้ง สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ พฤติกรรมเลียนแบบเช่นนี้ กำลังแพร่ลามในหมู่เยาวชนที่อายุน้อยลง มากขึ้นทุกทีๆ เว็บไซต์ข่าวเวียดนามเอ็กซ์เพรส รายงาน

เหวียนถิมาย ที่แนะนำตัวเองเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนฮานอย-อัมสเตอร์ดัม กรุงฮานอย เขียนบอกเล่าว่า ตัวเธอเองเป็นขาวไซ่ง่อน รู้จักนักเรียนหญิงในคลิป ยังเป็นเพียงนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เท่านั้น ฝ่ายชายเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้ภาพพจน์ของนักเรียนด้วยกัน โดยทั่วไปต้องมัวหมอง

ผู้อ่านข่าวหลายคนบอกว่า หากไม่มีคำอธิบายที่ถูกต้อง และ กระทรวงศึกษาธิการ ไม่เร่งรีบเข้าทำการแก้ไข เหตุการณ์ในคลิปนี้จะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ให้เด็กๆ อีกจำนวนมาก เอาเป็นเยี่ยงอย่าง

อีกคนหนึ่งที่แนะนำตังเองเป็นนักเรียนเก่าอังกฤษ บอกว่าการจับมือถือแขนกัน เป็นเรื่องปรกติธรรมดา สำหรับนักเรียนระดับธยมศึกษาในประเทศนั้น แต่ถึงขึ้นนั่งจูบกันอย่างดูดดื่ม ในที่สาธารณะโดยไม่สนใจผู้คนรอบข้าง เป็นพฤติกรรมที่เธอไม่เคยเห็น และ นักเรียนทั่วไปในอังกฤษ จะมีความรู้สึกต่อต้านเรื่องแบบนี้เช่นกัน

เธอยังกล่าวอีกว่า ในวัยของเธอจะมีความฟุ้งซ่าน เกี่ยวกับเพื่อนเพศตรงข้าม ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ตามธรรมชาติ แต่สองปีที่เรียนไฮสกูลที่นั่น เธอต้องพยายาม "ชั่งให้ลงตัว" ระหว่างการเรียน กับเรื่องชู้สาว เพราะการเรียนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สำหรับเยาวชนวัยขนาดนี้ หากเกิดปัญหาขึ้นมา ครอบครัวก็จะต้องคอยติดตามช่วยเหลือ อย่างใกล้ชิด

เหวียนทูหว่าง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในกรุงฮานอย เป็นอีกคนหนึ่งที่เขียนคัดค้าน พฤจิกรรมของนักเรียนหญิงชายในคลิป

"หนูคิดว่า ความรักไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่มีวิธีการแสดงออกที่ดูดีกว่านี้ และง่ายกว่านี้ มีตั้งหลายวิธี" ทูหว่างเขียนในเว็บไซต์เวียดนามเอ็กซ์เพรส
.

2
ผู้อ่านหลายคนกล่าวว่า นักเรียนวัยนี้จำนวนมาก มักจะบอกกับใครๆ ว่า "ไม่ต้องห่วง หนูโตแล้ว" หลายคนได้เห็นตัวอย่างจากประเทศตะวันตก กระทั่งในประเทศเพื่อนบ้าน และ มองว่าเป็นความเจริญก้าวหน้า เป็นอารยธรรม ซึ่งแต่แท้จริงเป็นความเข้าใจผิด เยาวชนเหล่านี้ยังต้องการการดูแล จากครอบครัวเป็นอย่างมาก

นักเรียนโรงเรียนสตรีที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ในกรุงฮานอย คนหนึ่งเขียนว่า ที่โรงเรียนของเธอจะไม่มีใครยอมรับ การแสดงออกกับเพื่อนชาย เช่นที่เห็นในคลิป เพราะจะทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์หนัก เมื่อเกิดมีความรัก ฝ่ายหญิงจะต้องรู้จักอดกลั้น ยังยั้งชั่งใจมากกว่าฝ่ายชาย จะต้องมีการกำหนดขอบเขต และ ขีดจำกัด ไม่ให้อารมณ์เข้าครอบงำ เพราะจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

หว่าย เหวียน หง็อก เหวียด นักเรียนในนครโฮจิมินห์ เขียนว่าเหตุการณ์เช่นนี้ ส่งผลกระทบต่อสาธารณชนในวงกว้าง และ หากพิจารณาดูจากคลิปจะเห็นว่า คนทั่วไปไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะผิดหวัง ขุ่นเคือง กระทั่งรู้สึกขยะแขยงก็เป็นได้

หว่ายเขียนต่อไปว่า เธอเองไม่ได้ตัดสินการกระทำของนักเรียนหญิงชายคู่นี้ แค่ถูกหรือผิด หากมองที่วัยกับสภาพแวดล้อม ที่เพื่อนเยาวชนทั้งสองคนดำรงอยู่ เพราะความรักส่งผลทั้งสองด้าน ทั้งบวกและลบ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เธอไม่เห็นด้วยสำหรับการแสดงออกเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายชาย ที่ฉวยโอกาสและไม่ให้เกียรติอีกฝ่ายหนึ่ง

เหวียนดึ๊กบี่ง นักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนมัธยมเหวียดจิ ซึ่งเป็นโรงเรียนสหศึกษา ใน จ.ฝูถ่อ ทางตอนเหนือของกรุงฮานอย แสดงความเห็นว่า ที่โรงเรียนของเขามีทีหลายคู่ ที่ตกหลุมรักเช่นนี้ และ ผลการเรียนออกมาต่ำทุกคน

"พวกนี้รักกันมากเท่าไร ก็ยิ่งใช้เวลาให้กันและกันมากเท่านั้น ส่งผลกระทบถึงการเรียนอย่างช่วยไม่ได้" ดึ๊กบี่งกล่าว

อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่าครูอาจารย์ ที่โรงเรียนมัธยมเหวียดจิ จะอบรมเด็กๆ อยู่เสมอให้ยับยั้งชั่งใจ และ สร้างความสมดุลย์ระหว่างความรักกับการเรียนให้ถูกต้อง ทั้งแนะนำให้ทุกคู่รักกัน แบบช่วยกันสร้างอนาคต เปลี่ยนพลังความรัก ให้เป็นพลังเนื่องหนุนการเรียนให้ได้ ปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้น

นักเรียนคนเดียวกันเขียนบอกกับผู้อ่านด้วยว่า ที่โรงเรียนของเขา และ จังหวัดที่เขาอยู่ ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบในคลิปนี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น