รอยเตอร์ - รัฐบาลพม่ากล่าวเมื่อวันศุกร์ (15) ว่า กลุ่มที่ได้แรงบันดาลใจจากกลุ่มกองกำลังชาวมุสลิม เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีฐานชายแดนตำรวจในรัฐทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า มีความวิตกว่าจะมีเหตุความไม่สงบรอบใหม่โดยสมาชิกชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮิงญา
ความรุนแรงที่ยกระดับขึ้นอย่างฉับพลันในรัฐยะไข่ก่อให้เกิดความท้าทายอย่างร้ายแรงต่อรัฐบาลของนางอองซานซูจี ที่บริหารประเทศมาได้เพียง 6 เดือน แต่เผชิญต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากต่างชาติถึงความล้มเหลวที่จะจัดการปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวโรฮิงญา และชาวมุสลิมอื่นๆ
คำแถลงจากสำนักงานประธานาธิบดีถิ่น จอ ได้กล่าวโทษกลุ่มที่รู้จักในชื่อ “Aqa Mul Mujahidin” จากการโจมตีเมื่อไม่นานนี้ทั่วเมืองหม่องดอ พื้นที่ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมใกล้กับบังกลาเทศ
“พวกเขาชักชวนคนหนุ่มสาวด้วยการใช้แนวคิดสุดโต่งทางศาสนา และพวกเขาได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากภายนอก" คำแถลงภาษาพม่า ระบุ
"พวกเขาแพร่ภาพวิดีโอบนอินเทอร์เน็ตเช่นเดียวกับกลุ่มไอเอส กลุ่มตอลิบาน และอัลกออิดะห์ ในตอนนี้พวกเขามีผู้ก่อการจลาจล 400 คน ต่อสู้ในเมืองหม่องดอ”
คลิปวิดีโอหลายชิ้นแสดงให้เห็นกลุ่มชายติดอาวุธพูดด้วยภาษาที่ชาวโรฮิงญาส่วนใหญ่ใช้แพร่อยู่บนสื่อออนไลน์ในสัปดาห์นี้ แต่รอยเตอร์ยังไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของวิดีโอได้
ชาวโรฮิงญาราว 1.1 ล้านคนที่อาศัยในรัฐยะไข่ เผชิญต่อการเลือกปฏิบัติ ข้อจำกัดเข้มงวดต่อการเคลื่อนไหว และการเข้าถึงบริการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่ความรุนแรงระหว่างชุมชนในปี 2555 ที่ทำให้ผู้คนราว 125,000 คน ต้องไร้ที่อยู่อาศัย
ชาวโรฮิงญาไม่ได้เป็นหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ 135 กลุ่มที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการในพม่า ที่หลายคนในประเทศมองว่า กลุ่มคนเหล่านี้เป็นผู้อพยพผิดกฎหมายจากบังกลาเทศ
อองซานซูจี ที่ถูกห้ามจากการทำหน้าที่ในตำแหน่งประธานาธิบดีตามรัฐธรรมนูญ แต่นำรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยเป็นครั้งแรกของพม่าในรอบหลายทศวรรษ ในฐานะที่ปรึกษาแห่งรัฐ ได้แต่งตั้ง นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ เป็นหัวหน้าคณะที่มีหน้าที่เสนอทางแก้ไขปัญหาของรัฐยะไข่
เป มี้น รัฐมนตรีกระทรวงข้อมูลข่าวสารที่เดินทางลงพื้นที่เมืองหม่องดอในสัปดาห์นี้ กล่าวว่า การยกระดับของความรุนแรงอาจกระทบการทำงานที่กำลังดำเนินอยู่ในรัฐยะไข่
“ก่อนหน้านี้มีเหตุจลาจล และความขัดแย้งระหว่างชุมชน ในตอนนี้เป็นปัญหาความขัดแย้งทางอาวุธ” เป มี้น กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในเมืองสิตตเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ เมื่อวันศุกร์ (14)
“ธรรมชาติของความขัดแย้งได้เปลี่ยนแปลงไป”
เจ้าหน้าที่ได้กล่าวว่า ชายหลายร้อยคน บางคนมีอาวุธปืน บางคนมีดาบ และไม้ เปิดการโจมตีที่มีการประสานงานกันยังฐานชายแดน 3 แห่ง ในช่วงรุ่งเช้าของวันที่ 9 ต.ค. ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 9 นาย และได้รับบาดเจ็บ 5 นาย
และในการตอบโต้ต่อเหตุการณที่เกิดขึ้น กองทัพได้ส่งกองกำลังทหารเข้าไปในรัฐยะไข่เพื่อค้นหาผู้ก่อเหตุโจมตี ที่ยังได้ยึดอาวุธ และกระสุนมากกว่า 10,000 นัดไปด้วย
อองซานซูจี กล่าวว่า กองกำลังรักษาความปลอดภัยใช้ความระมัดระวัง และปฏิบัติตามกฎหมายในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ แต่ฝ่ายบริหารไม่ได้กำกับดูแลกองทัพ ที่กำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็น “เขตปฏิบัติการ”
ประชาชนอย่างน้อย 26 คน ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสังหาร ในสิ่งที่สื่อของทางการระบุว่า เป็นการปะทะกันเล็กน้อยกับผู้โจมตี และมีทหารเสียชีิวิต 4 นาย
ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า พวกเขามีหลักฐานว่าการวิสามัญฆาตกรรมอาจเกิดขึ้น ขณะที่นักวิจัยและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ในรัฐยะไข่ได้รายงานว่า ชาวโรฮิงญาส่วนใหญ่ไม่สนใจที่จะหันไปพึ่งความรุนแรง
“เราไม่ชื่นชมการก่อการร้าย มันไม่ใช่ทางแก้ปัญหา” กอ หล่า อ่อง ผู้นำชุมชนชาวโรฮิงญาในเมืองสิตตเว กล่าว
คำแถลงจากสำนักงานประธานาธิบดีพม่า ระบุว่า การสอบสวนผู้ต้องหาที่จับตัวได้หลังการโจมตีได้เผยความเชื่อมโยงกับกลุ่มต่อสู้ในปากีสถาน
ผู้นำกลุ่ม อายุ 45 ปี อาศัยอยู่ในบังกลาเทศ และใช้เวลา 6 เดือน ฝึกฝนกับกลุ่มตอลิบานปากีสถาน คำแถลงระบุ
คำแถลงเสริมว่า กลุ่ม Aqa Mul Mujahidin ที่ชื่อนี้ไม่สามารถพบได้ในรายงานข่าวออนไลน์ใดๆ ก่อนหน้านี้ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มองค์การความเป็นปึกแผ่นโรฮิงญา (RSO)
หนังสือพิมพ์เมียวดีของกองทัพพม่ารายงานว่า ทหารได้ค้นพบธง RSO และป้าย RSO ในเมืองหม่องดอ
และในคลิปวิดีโอชิ้นหนึ่งที่โพสต์บนอินเทอร์เน็ต ปรากฏชายแต่งกายด้วยชุดดำเรียกร้องให้ชาวมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ ออกมาร่วมทำญิฮาด และในคลิปวิดีโอชิ้นที่ 2 เป็นชายคนเดียวกันได้กล่าวถึงเฮลิคอปเตอร์ทหารของพม่าที่กำลังออกล่าผู้ก่อเหตุ และสนับสนุนให้กลุ่มชายติดอาวุธรอบตัวยินดีต่อการตายเพื่อปกป้องศาสนา
ส่วนวิดีโอชิ้นที่ 3 เผยให้เห็นกลุ่มชายพร้อมดาบ และปืนไรเฟิลเดินเรียงแถวยาว ซึ่งอาวุธที่ปรากฏในคลิปวิดีโอนี้ ตรงกับผู้โจมตีที่ยึดไปจากตำรวจชายแดน เจ้าหน้าที่พม่า ระบุ.
.
.
.
.
.
.