รอยเตอร์ - พรรคฝ่ายค้านหลักของกัมพูชายินดีต่อสัญญาณความตึงเครียดทางการเมืองที่ผ่อนคลายลง หลังทางการงดเว้นการจับกุมตัว นายแกม สุขะ แกนนำระดับสูงของพรรค ที่ยอมออกจากสำนักงานใหญ่พรรคเป็นครั้งแรกหลังหลบซ่อนตัวอยู่นานหลายเดือน
ความตึงเครียดระหว่างสองพรรคการเมืองหลักของประเทศ ทวีความร้อนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ หลังฝ่ายค้านร้องเรียนว่า รัฐบาลดำเนินการปราบปรามนักวิจารณ์เพื่อเป็นการข่มขู่ก่อนที่ประเทศจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2561
สม รังสี หัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ซึ่งขณะนี้ยังคงลี้ภัยอยู่ต่างประเทศเพื่อเลี่ยงการจับกุมตัวจากคดีความที่ฝ่ายค้านระบุว่า ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาด้วยเหตุผลทางการเมือง ขณะที่ นายสุขะ ซึ่งทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรคแทนนายสม รังสี ต้องอาศัยอยู่ภายในสำนักงานใหญ่พรรคตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค. เพื่อเลี่ยงสิ่งที่เขาอ้างว่าเป็นข้อหาที่ถูกกุขึ้นเช่นกัน
เมื่อเดือนก่อน นายแกม สุขะ ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 5 เดือน ในข้อหาไม่ปรากฏตัวที่ศาลในฐานะพยานในคดีความที่มีต่อสมาชิกรัฐสภาพรรคฝ่ายค้าน และในการกล่าวปราศรัยวันนี้ (5) นายสุขะ ได้เรียกร้องการยุติการเป็นอริทางการเมืองกันระหว่างสองพรรค
“พรรค CNRP ต้องการให้บรรยากาศกลับคืนสู่ภาวะปกติ บรรยากาศทางการเมืองที่เท่าเทียมสำหรับทุกคน เพื่อให้มั่นใจว่า การเลือกตั้งจะสะท้อนความต้องการของประชาชน และ CNRP หวังให้ทุกพรรคการเมืองได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมแข่งขันในการเลือกตั้งที่เสรี และยุติธรรม” แกม สุขะ กล่าว
ความจริงที่ว่า นายสุขะ สามารถออกจากสำนักงานใหญ่พรรคโดยไม่ถูกจับกุมตัวนั้น ถือเป็นสัญญาณของการสงบศึกระหว่างสองพรรคคู่แข่ง ที่ยังแสดงให้เห็นว่า สถานการณ์ทางการเมืองตึงเครียดน้อยลงในตอนนี้ สมาชิกพรรครายหนึ่ง กล่าว
หลังดำเนินคดีความต่อสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน และผู้เรียกร้องสิทธิหลายต่อหลายครั้ง เมื่อเดือนก่อน ฮุนเซนได้ประกาศสงบศึกทางการเมือง และระบุว่า คู่แข่งควรยุติความขัดแย้ง
นับตั้งแต่นั้นพรรค CNRP ที่คว่ำบาตรรัฐสภามาตั้งแต่ปีก่อน ได้กล่าวว่า จะกลับเข้าร่วมการประชุมสภาอีกครั้งเพื่อส่งเสริมการแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจา
สอย สุภาพ ผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ และผู้เจราทางการเมืองให้แก่ฮุนเซน กล่าวว่า เขาเป็นผู้ไกล่เกลี่ยแก้ปัญหาระหว่างสองพรรคคู่แข่งนี้
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์จะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของพรรคฝ่ายค้าน และพรรครัฐบาลจะจับตาดูพฤติกรรมของพรรค CNRP” สอย สุภาพ กล่าว.
.
.