รอยเตอร์ - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ เริ่มต้นการเยือนเวียดนามเป็นเวลา 2 วัน ในวันนี้ (9) เพื่อประเมินความคืบหน้าด้านสิทธิมนุษยชน ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนการเยือนของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่จะกลายเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนแรกในรอบทศวรรษที่เยือนเวียดนาม
ทอม มาลินาวสกี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และแรงงาน คาดว่า จะกดดันเวียดนามให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองอย่างไร้เงื่อนไข และปฏิรูปกฎหมายของประเทศให้สอดคล้องต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และเวียดนาม ได้ก้าวไปสู่ระดับใหม่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เมื่อวอชิงตันพยายามที่จะสร้างพันธมิตรใหม่ในเอเชีย แต่แนวทางปฏิบัติของเวียดนามที่ไม่ยินยอมผ่อนผันต่อผู้กล่าวร้ายยังคงเป็นจุดติดขัด
เวียดนาม ได้จำคุกผู้เห็นต่าง บล็อกเกอร์ และแกนนำทางศาสนาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ควบคุมตัวคนเหล่านั้นเป็นระยะเวลานานโดยไม่สามารถเข้าถึงครอบครัว หรือที่ปรึกษาทางกฎหมาย ตามการระบุของฮิวแมนไรท์วอช
สหรัฐฯ ทวีความพยายามอย่างมากในการสร้างความสัมพันธ์ให้แข็งแกร่งขึ้น ทั้งในด้านสาธารณสุข การศึกษา สิ่งแวดล้อม พลังงาน และทางทหาร เพื่อเสริมอิทธิพลของประเทศแทนที่อิทธิพลของจีน
สหรัฐฯ และเวียดนาม และอีก 10 ประเทศ ในปีนี้ได้ลงนามในข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) หนึ่งในข้อตกลงการค้าหลายชาติที่ใหญ่ที่สุดของโลก
แม้ข้อตกลง TPP ไม่ได้กำหนดให้สมาชิกบรรลุมาตรฐานในด้านสิทธิมนุษยชน แต่นักวิเคราะห์ระบุว่า ประวัติของเวียดนามในการจับกุม ข่มขู่ และกดขี่ผู้ที่แสดงความเห็นต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์ที่ปกครองประเทศ อาจเพิ่มการต่อต้านข้อตกลงในหมู่สมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐฯ ซึ่งข้อตกลง TPP นั้นต้องได้รับการยอมรับจากรัฐสภาของแต่ละประเทศสมาชิก
มาลินาวสกี้ กล่าวระหว่างเยือนเวียดนามเมื่อปีก่อนว่า เขาเห็นสัญญาณของความก้าวหน้าในด้านสิทธิมนุษยชน แต่เวียดนามจำเป็นต้องมุ่งมั่นมากขึ้น
ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชน ระบุว่า การปรับปรุงเหล่านั้นอาจมีอยู่แค่ช่วงเวลาสั้นๆ และมีเป้าหมายที่จะทำให้แน่ใจว่าเข้าถึงข้อตกลงการค้าหลายชาติได้อย่างราบรื่น รวมทั้งข้อตกลงกับสหภาพยุโรป.