MGRออนไลน์ -- รัฐบาลประธานาธิบดีเต็งเส่ง ทิ้งทวนโครงการใหญ่อีกหนึ่งโครงการในเขตที่ราบปากแม่น้ำอิรวดี อันเป็นรากหญ้าของฝ่ายทหาร ภาพที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้แสดงให้เห็น รถขุดนับสิบๆคัน เร่งขุดคลองกว้างผ่านท้องนา ซึ่งสื่อกล่าวว่าขุดขึ้นมาสำหรับผันน้ำในฤดูน้ำหลากไปลงแม่น้ำ ป้องกันน้ำท่วมนา 750,000 ไร่ ในย่านหนึ่งของเขตอู่ข้าวใหญ่
ตามรายงานของสำนักข่าวพม่า (Myanmar News Agency) ปัจจุบันกำลังมีการขุดคลองผันน้ำดังกล่าว ในเขตเมืองซาลุน (Zalun) ซึ่งอยู่ฝั่งตะวันออกแม่น้ำอิรวดี เพื่อป้องกันน้ำท่วมพืชผลการเกษตร ฟาร์มเลี้ยง และ ทรัพย์สินของราษฎร ที่อาศัยทำกินในอาณาบริเวณ ที่มักเกิดภัยน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากทุกปี
สำนักข่าวของทางการไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับขนาด และความยาวของคลอง ระบุแต่เพียงว่าคลองผันน้ำที่กำลังขุดนี้ ครอบคลุมเนื้อที่ทั้งหมด 300 เอเคอร์ (750 ไร่) แต่จะช่วยป้องกันมิให้น้ำท่วมที่นาถึง 300,000 เอเคอร์ และ มีกำหนดแล้วเสร็จก่อนเริ่มฤดูฝนปีนี้
ประธานาธิบดีพม่า เดินทางไปเยี่ยมชมโครงการเมื่อวันที่ 21 ก.พ. กำชับให้ต้องจ่ายเงินชดเชยให้แก่ราษฎรที่ถูกคลองตัดผ่าน และ บริเวณใดก็ตามที่การก่อสร้างคลองผันน้ำทำให้เกิดมีที่ดินขึ้นมา ต้องจัดสรรให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ นอกจากนั้นผู้นำที่กำลังจะพ้นวาระไปในเดือน เม.ย.นี้ ยังสั่งให้ทำการซ่อมแซม พนังป้องกันน้ำกัดเซาะตลิ่ง ในอาณาบริเวณดังกล่าว ให้มั่นคงแน่นหนา เพื่อรับประกันจะไม่เกิดน้ำล้นเอ่อขึ้นท่วมผืนนาของราษฎรในแถบนั้นอีก
การขุดคลองผันน้ำเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค. โดยใช้เงินงบประมาณจากกองทุนภัยพิบัติแห่งชาติ สำนักข่าวเดียวกันกล่าว
ปีที่แล้วหลายท้องถิ่นของพม่า ต้องเจออุทกภัยถึง 2 ระลอก ในเวลาห่างกันเพียงแค่ไม่กี่เดือน สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง สำหรับเขตอิวรวดีที่เป็นอู่ข้าวใหญ่ของประเทศนั้น มักจะเกิดน้ำท่วมประจำทุกปีในฤดูน้ำหลาก
ตามรายงานของสื่อภาษาพม่า ปัจจุบันกำลังเกิดภัยแล้วคลุมบริเวณกว้าง เขตชนบททางตอนบนของประเทศในหลายรัฐและเขตปกครอง ประชาชนนับล้านคน กำลังขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคอย่างหนัก กองทัพต้องใช้รถบรรทุกน้ำดื่ม เข้าสู่พื้นที่ต่างๆ เพื่อช่วยบรรเทา
เป็นที่ทราบกันดีว่า เขตที่ราบปากแม่น้ำสายหลัก ที่มีเมืองพะสิม (Pathein) เป็นเมืองใหญ่ที่สุด เป็นเขตมวลชนพื้นฐานของคณะปกครองทหาร รัฐบาลได้ทุ่มเทงบประมาณและทรัพยากรอื่นๆ เข้าสู่พื้นที่ ดำเนินหลายโครงการ เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนรากหญ้า ที่ส่วนใหญ่ยังยากจน มีรายได้ต่ำกว่าขีดยากจนขององค์การสหประชาชาติ
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งทั่วไปเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ชาวพม่าในเขตที่ราบปากแม่น้ำใหญ่ กลับลงคะแนนสนับสนุนผู้สมัครของพรรคฝ่ายค้าน ที่นำโดยนางอองซานซูจี และ ยังเป็นเขตแรกที่พรรครัฐบาลทหารกึ่งพลเรือน ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้อีกด้วย.
