นักข่าวเขมรเสนอตัวไกล่เกลี่ย “ฮุนเซน-สมรังสี” เลี่ยงความขัดแย้ง

รอยเตอร์ - ผู้ประกาศข่าวทางโทรทัศน์ชาวกัมพูชา สอย สุภาพ ได้ก้าวเข้าสู่บทบาทผู้ไกล่เกลี่ยทางการเมืองอีกครั้งในความพยายามที่จะยุติความบาดหมางระหว่างนายกรัฐมนตรี ฮุนเซน และ สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้าน ที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ ซึ่งข่มขู่ว่าจะจุดชนวนความขัดแย้งทางการเมือง

ฮุนเซน ได้กล่าวเตือนว่า กัมพูชาอาจตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองหากพรรคของสม รังสี ชนะการเลือกตั้งปี 2561 ขณะที่ สม รังสี ได้เรียกร้องให้ระมัดระวังป้องกันฮุนเซนใช้บรรยากาศทางการเมืองที่ย่ำแย่เลื่อนการเลือกตั้ง

สอย สุภาพ เข้าสู่สนามการเมืองของประเทศในปี 2556 ในการทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยระหว่างสองคู่แข่ง ที่ทำให้ สม รังสี เดินทางกลับประเทศได้หลังลี้ภัยในฝรั่งเศส 4 ปี ซึ่งข้อตกลงที่เกิดขึ้นยังรวมถึงการพระราชทานอภัยโทษต่อโทษจำคุกที่ สม รังสี ได้รับแม้ไม่ปรากฏตัวที่ศาล

“ในทางการเมืองจะต้องมีการเจรจาหารือเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้ใครต้องเสียหน้า” สุภาพให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ ที่ประกาศว่าเขาจะพยายามเป็นผู้ไกล่เกลี่ยทางการเมืองของประเทศอีกครั้ง

สอย สุภาพ อายุ 44 ปี เป็นผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์บายนทีวี ที่บริหารโดย ฮุน มานา ลูกสาวของฮุนเซน สุภาพ ยังตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ดึมอัมปึล ที่ถูกมองว่าเป็นผู้ส่งสารสำหรับฮุนเซน ขณะเดียวกัน สุภาพ ยังได้รับความไว้วางใจจาก สม รังสี

โรนา สมิธ ผู้แทนพิเศษสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในกัมพูชา แสดงความวิตกต่อความล้มเหลวในการเจรจาทางการเมืองและเหตุการณ์ความรุนแรงและการข่มขู่ที่เกิดขึ้น

สมาชิกพรรคกู้ชาติกัมพูชา (CNRP) ของ สม รังสี 2 คน ถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงที่บริเวณด้านนอกอาคารรัฐสภาในเดือน ต.ค. และไม่กี่วันต่อมา แกม สุขา รองหัวหน้าพรรค CNRP ถูกปลดออกจากตำแหน่งรองประธานรัฐสภาในการลงมติที่พรรค CNRP คว่ำบาตร

“เหตุการณ์ที่ถูกทำให้รุนแรงขึ้นไม่ว่าเหตุการณ์ใดก็ตามอาจทำให้กัมพูชาก้าวไปสู่จุดพลิกผันอันตราย” โรนา สมิธ กล่าวในคำแถลงฉบับหนึ่ง

การเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความสงบสุขหลังประเทศตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองหลายทศวรรษ รวมทั้งยุคทุ่งสังหารภายใต้การนำของพลพต เป็นสิ่งที่ช่วยรับประกันว่าฮุนเซนจะได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง แต่ฮุนเซนเพิ่มการป้องกันมากขึ้นนับตั้งแต่การเลือกตั้งพิพาทปี 2556 ที่ฮุนเซนต้องตกตะลึงกับความสำเร็จของพรรค CNRP และแรงสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นในหมู่เยาวชนในเขตเมือง

พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ของฮุนเซน ชนะการเลือกตั้งในปี 2556 แต่พรรค CNRP กล่าวหาว่าพรรคของฮุนเซนโกงเลือกตั้งและได้คว่ำบาตรรัฐสภาเป็นเวลา 1 ปี การสงบศึกทางการเมืองชั่วคราวในปี 2557 ช่วยยุติการคว่ำบาตรของฝ่ายค้าน แต่ข้อตกลงกลับล้มเหลวลงในเดือน ก.ค. และความสัมพันธ์ระหว่างฮุนเซน และ สม รังสี ก็ถดถอยลง

สม รังสี ลี้ภัยตัวเองอีกครั้งหลังศาลออกหมายจับในวันที่ 12 พ.ย. จากคดีความเก่าที่เขาได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว แต่ทางการกัมพูชาได้ตั้งข้อหาใหม่เกี่ยวกับการปลอมแปลงและยั่วยุปลุกปั่นด้วยการโพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับสนธิสัญญาพรมแดนกับเวียดนาม ซึ่งเป็นข้อหาที่มีโทษจำคุก 12 ปี

สิ่งที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊กนั้น ยังถูกมองว่าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ฮุนเซน ซึ่งพรรค CNRP มักแสดงภาพว่าเป็นฮุนเซนเป็นลูกไล่ของเวียดนาม

สุภาพเผยรายละเอียดเล็กน้อยถึงวิธีที่จะโน้มน้าวคู่แข่งทางการเมืองทั้ง 2 คน ให้ละทิ้งความต่าง แต่ระบุว่าเขาได้ติดต่อสม รังสี และแนะนำว่ายังไม่ต้องเดินทางกลับตอนนี้

“สม รังสี อาจต้องกล่าวคำขอโทษเพื่อประโยชน์ของพรรคและชาติ มันไม่ใช่เรื่องผิดอะไร อะไรคือสิ่งที่จะได้หรือสูญเสียจากการกล่าวคำขอโทษ” สุภาพ กล่าว

ฝ่ายพรรคของฮุนเซนไม่ได้แสดงท่าทีที่ต้องการจะเจรจามากนัก แต่เรียกร้องให้สม รังสี รับโทษจำคุก

“มันสายเกินไปสำหรับคำขอโทษ ในเมื่อ สม รังสี เริ่มจุดไฟ เขาก็ต้องสูดควันพวกนั้น” โฆษกพรรค CPP กล่าว