ASTVผู้จัดการออนไลน์ - รัฐบาลพม่าได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐระไค (Rakhine/ยะไข่) ในค่ำวันพฤหัสบดี 6 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อระดมสรรพกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีต็งเส่ง ได้กล่าวปรามศรัยทางโทรทัศน์ที่แพร่ภาพออกอากาศทั่วประเทศ ให้ประชาชนอพยพออกจากเขตที่ราบปากแม่น้ำอิรวดี ที่ระดับน้ำในแม่น้ำกำลังเพิ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากน้ำก้อนใหญ่เคลื่อนลงไปจากตอนเหนือของประเทศ
การประกาศภาวะฉุกเฉินมีขึ้นหลังจากมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 19 คน ในวันเดียวกัน รวมเป็นทั้งหมด 88 คน ซึ่งในนั้น 55 คน เสียชีวิตในรัฐระไค ทางตะวันตกของประเทศ หนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไล้ท์ออฟเมียนมาร์ (Global New Light of Myanmar) รายงานในฉบับที่ออกวางจำหน่ายในวันศุกร์นี้
กระทรวงสวัสดิการสังคม บรรเทาภัย และการตั้งถิ่นฐาน เปิดเผยในวันเดียวกันว่า อุทกภัยทั่วประเทศที่เริ่มมาตั้งแต่เดือน มิ.ย. ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 300,000 คน มีสัตว์เลี้ยงวัวควายตายไปกว่า 4,650 ตัว บ้านเรือนถูกทำลาย 10,956 หลังคา ไร่นาเสียหายกว่า 217,580 เอเคอร์ (กว่า 523,000 ไร่) มีราษฏรที่ต้องอพยพไปอาศัยอยู่ที่ปลอดภัยเป็นจำนวนกว่า 85,400 คน หนังสือพิมพ์กึ่งทางการกล่าว
ตัวเลขของกระทรวงสวัสดิการสังคมฯ ที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี ยังระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 8 คนในเขตมัณฑะเลย์ 7 คนในเขตสะกาย 6 คนในรัฐชาน และในรัฐชินทางตอนเหนือสุดของประเศมีผู้เสียชีวิตจากเหตุดินเลื่อนดินถล่ม 4 ราย
ระหว่างปราศรัยทางโทรทัศน์ ประธานาธิบดีเต็งเส่ง ให้สัญญาว่ารัฐบาลจะจัดการให้ท้องถิ่นต่างๆ ที่ประสบอุทกภัยกลับคืนสู่ภาวะปรกติโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกัน ผู้นำสูงสุดได้ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยูในเขตที่ราบปากแม่น้ำอิรวดีที่มีความเสี่ยงอย่างสูง รีบอพยพออกจากอาณาบริเวณที่น้ำกำลังท่วมสูงเพื่อความปลอดภัย
ปธน.พม่าระบุว่า “เมื่อภัยพิบัติเกิดขึ้นแล้วจะไม่สามารถหยุดยั้งได้” การป้องกันย่อมดีกว่า โดยกล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบันว่า น้ำกำลังท่วมสูงในหลายเมือง ในเขตที่ราบปากแม่น้ำ รวมทั้งฮินตาดา (Hinthada) นองดอน (Nyaungdon) และเมืองงาวุน (Ngawun) ในขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักนี้ขึ้นสูงเกินขีดอันตราย
กระทรวงเกษตรและชลประทาน แถลงในวันเดียวกันว่า ยังคงเฝ้าจับตาเขื่อน และอ่างเก็บน้ำทุกแห่งทั่วประเทศ ทั้งยืนยันว่า ในปัจจุบันไม่มีแห่งใดแตกหัก หรือผิดปกติ กระทรวงนี้กล่าวอีกว่าปัจจุบัน กำลังมีการปล่อยน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำ และเขื่อนชลประทานรวม 41 แห่ง แต่ไม่ได้มากเกินขอบเขตที่จะทำให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่อยู่ใต้ลงไป ส่วนอีก 21 แห่งอยู่ในภาวะปกติ GNLM กล่าว.
.
2
3
4
